วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 3/2567 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเรื่องที่น่าสนใจเสนอเข้ามาให้ที่ประชุมพิจารณาหลายเรื่อง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยผลประชุม กพช.ว่า ที่ประชุม กพช.เห็นชอบ อัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป มีอัตราดังนี้
สำหรับการกำหนดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ครั้งนี้ เนื่องจากประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ฉบับเดิม จะครบกำหนดในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 นี้ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบร่างประกาศฉบับใหม่ และมอบหมายให้ สนพ. นำเสนอประธานกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติลงนามต่อไป
ทั้งนี้ในช่วงเริ่มการประชุม นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมตอนหนึ่งว่า ในแนวนโยบายเกี่ยวกับการขับเคลื่อนพลังงานสะอาด รัฐบาลก็ขอทุกหน่วยงานให้เร่งดำเนินการตามแผน และให้เป็นไปตามกระบวนการทั้งหมด
พร้อมกันนี้ยังสั่งการให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เร่งปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกและการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement : Direct PPA) รัฐบาลต้องการให้มีราคาพร้อมในการแข่งขันได้กับประเทศเพื่อนบ้านด้วย
ขณะเดียวกันที่ประชุม กพช. ยังเห็นชอบข้อเสนอที่ให้กระทรวงพลังงาน เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2544 ที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2544 (ครั้งที่ 87) เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2544 ในประเด็นเรื่องการปรับองค์กรในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม
โดยปรับปรุงมติเดิมเพื่อให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลัก รับผิดชอบดูแลงานด้านการกำหนดนโยบายและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม และให้หน่วยงานที่มีความประสงค์ขอรับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียมดำเนินการจัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยตรงตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมกพช. ยังได้มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 3 ฉบับ (3 ผลิตภัณฑ์) ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องอัดอากาศแบบเกลียว และกระจก และมอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน นำร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เสนอครม.พิจารณาเห็นชอบ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างต่อไป