ค่าไฟขึ้น 8 สตางค์ หลัง "พีระพันธุ์" สั่งเบรกขุดถ่านหินแม่เมาะ

19 ธ.ค. 2567 | 01:34 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ธ.ค. 2567 | 01:34 น.

ค่าไฟขึ้น 8 สตางค์ หลัง "พีระพันธุ์" สั่งเบรกขุดถ่านหินแม่เมาะ เหตุต้องเดินเครื่องโรงไฟฟ้าก๊าซฯทดแทน และต้องนำเข้า LNG มูลค่ากว่า 1,380 ล้านบาท ระบุเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีหนังสือสั่งด่วนสุดให้ กฟผ.ระงับการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างงานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ จังหวัดลำปาง สัญญาที่ 8/1 โดยวิธีพิเศษในวงเงินงบประมาณ 7,250 ล้านบาท 

จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้วเสร็จ เนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ได้ยื่นอุทธรณ์ ว่า
 

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา กฟผ. ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 30 วัน หลังจากนั้นนำเสนอให้คณะกรรมการ กฟผ.พิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ ปัจจุบันสัญญาถ่านหินที่ 8/1 กำลังจะสิ้นสุดลง และสัญญาที่ 9 ล่าช้าออกไป ทำให้ปริมาณการผลิตถ่านหินได้ไม่เพียงพอป้อนเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าจะหายไป 600-800 เมกะวัตต์ ทำให้ต้องมีการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าก๊าซฯทดแทน
 

และต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มูลค่ารวม 1,380 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 8 สตางค์ต่อหน่วย

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน กฟผ. มีกระแสเงินสดดีอยู่ที่ 5-6 หมื่นล้านบาท สามารถบริหารจัดการการลงทุนและหนี้ได้ แต่หากมีปัญหาสภาพคล่อง ก็จะทำให้การส่งเงินเข้ารัฐล่าช้าออกไป ปัจจุบันหนี้คงค้างค่าไฟฟ้าเหลืออยู่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ส่วนแผนลงทุนของ กฟผ.ในปี2568 จะลงทุนสายส่งไฟฟ้า และโซลาร์ลอยน้ำ