thansettakij
จุฬาฯชวน SMEs อาหาร ประเมินคาร์บอนรองรับ Scope 3 บริษัทใหญ่
net-zero

จุฬาฯชวน SMEs อาหาร ประเมินคาร์บอนรองรับ Scope 3 บริษัทใหญ่

    จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผุดโครงการสร้างแพลตฟอร์มหนุน SMEs ภายใต้โครงการวิจัย การใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยในการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP)

บริษัทไทยรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่างมุ่งมั่นตั้งเป้า Net Zero เดินหน้าลดคาร์บอนฟุตปรินท์องค์กรใน Scope 1 และ 2 ต่อเนื่อง แต่ความท้าทายใหญ่จากนี้คือ การลดคาร์บอนใน Scope 3 ที่มาจากคู่ค้าและลูกค้า

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผุดโครงการสร้างแพลตฟอร์มหนุน SMEs ภายใต้โครงการวิจัย การใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยในการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP)

รศ.ดร.วรประภา นาควัชระ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเจ้าของเพจคาร์บอนน้อย กล่าวว่า มีงานวิจัยในประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าหลายประเทศพิสูจน์แล้วว่า บริษัทที่มีความพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในที่สุดแล้วจะมีผลกำไรเพิ่มขึ้นด้วย เพราะการลดคาร์บอน ทำให้บริษัทต้องตรวจสอบปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

รศ.ดร.วรประภา นาควัชระ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเจ้าของเพจคาร์บอนน้อย รศ.ดร.วรประภา นาควัชระ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเจ้าของเพจคาร์บอนน้อย

เช่น การใช้พลังงานน้อยลง การลดของเสีย การจัดเส้นทางขนส่งให้คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.วรประภา กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยข้อมูลอาจยังไม่เพียงพอ แม้ทาง กลต. จะกำหนดให้บริษัทจดทะเบียน ต้องส่งข้อมูล Carbon Emission แล้ว แต่บางแห่งยังส่งข้อมูลไม่ครบ รวมถึงบริษัททั่วไปโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs อาจยังไม่มีความพร้อมเท่าที่ควรในการวัดและลดการปล่อยคาร์บอน

จำนวนผู้ประกอบการในประเทศไทยที่เป็น SMEs ถึง 95% และเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปล่อย Scope 3 ในฐานะ “ต้นน้ำ” และ “ปลายน้ำ” ของบริษัทใหญ่ โครงการวิจัยนี้จึงเน้นพัฒนาแพลตฟอร์มคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์และให้คำปรึกษาฟรี แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อช่วยลดอุปสรรคต่างๆ ทั้งเรื่องความรู้ ที่ปรึกษา เครื่องมือ และเงินทุน

ค่าที่ปรึกษาและตรวจวัดคาร์บอนในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าแพงมากสำหรับธุรกิจรายย่อย หลักแสนบาทเป็นอย่างน้อย แต่เทรนด์ความยั่งยืนและกฎระเบียบที่เข้มขึ้น จะทำให้เกิดการแข่งขันในตลาดผู้ให้บริการประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์ ค่าให้บริการจะถูกลงในที่สุด เราจึงอยากให้เกิดการเริ่มต้นใช้และเก็บข้อมูลต่อเนื่อง ปีแรกมักเหนื่อยสุดและแพงสุด แต่ปีถัดมาจะถูกลงมาก รศ.ดร.วรประภากล่าว

 

ขณะที่ ศ.ดร.ชนาธิป ผาริโน หนึ่งในผู้ก่อตั้งโครงการฯ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารเป็นเป้าหมายแรกของการทำงานในครั้งนี้ เพราะเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ยังเติบโตตามประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น และเกี่ยวข้องกับ SMEs ไทยจำนวนมาก จากการประเมิน Value Chain ของอุตสาหกรรมอาหาร พบว่า ช่วงต้นน้ำหรือขั้นตอนการเพาะปลูก ปล่อยคาร์บอนมากที่สุดกว่า 70% ของทั้งกระบวนการผลิต เช่น เนื้อวัวปล่อยคาร์บอนมหาศาล เนื่องจากต้องคำนวณทั้งกระบวนการเลี้ยงวัวและกระบวนการเพาะปลูกอาหารสัตว์ 

ศ.ดร.ชนาธิป ผาริโน หนึ่งในผู้ก่อตั้งโครงการฯ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ศ.ดร.ชนาธิป ผาริโน หนึ่งในผู้ก่อตั้งโครงการฯ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ

การผลิตอาหารยุคใหม่จึงต้องใส่ใจข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่กันไปกับเรื่องโภชนาการและความสะอาดปลอดภัย หากเปรียบเทียบโปรตีน 100 กรัมเท่ากันในวัตถุดิบอาหารสองประเภท คือ เนื้อวัวปล่อยคาร์บอน 35.5 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ถั่วปล่อยคาร์บอนเพียง 0.3 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเปิดเผยต่อผู้บริโภคมากขึ้นจนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในที่สุด เหมือนสมัยก่อนที่มีการบังคับให้เปิดเผยปริมาณแคลอรี่

ซูเปอร์มาร์เกตในต่างประเทศหลายแห่งได้ระบุข้อมูลนี้บนฉลากสินค้า และมีสัญลักษณ์สีเขียวชัดเจนบ่งชี้ว่าเป็นอาหารคาร์บอนต่ำ อีกทั้งตั้งเป้ารวม Scope 3 เข้ามาในเป้าหมายบริษัท เช่น Tesco ในอังกฤษจะลดคาร์บอน Scope 3 ให้สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 Walmart ของสหรัฐอเมริกาจะลดคาร์บอน Scope 3 ให้ได้ 1 พันล้านตันภายในปี 2030 ขณะที่ Aeon ในญี่ปุ่นตั้งเป้าทำงานกับซัพพลายเออร์ 80% ให้มีการประเมินคาร์บอนฟุตพรินท์ตามแนวทาง SBTi 

ความซับซ้อนของการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นต์รายผลิตภัณฑ์ คือ ไม่ได้มองผ่านเลนซ์ Scope1-3 เหมือนการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร แต่ต้องมองผ่านวัฏจักรชีวิตของทั้งผลิตภัณฑ์ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ ผลิต ขนส่ง บริโภค ทิ้ง ซึ่งมีหลายผู้เล่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ศ.ดร.ชนาธิป กล่าว

สำหรับประเทศไทยจะเกิดโมเมนตัมครั้งใหญ่ หลังจากการบังคับใช้ พรบ.Climate Change ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2026 สาระสำคัญของพรบ.ฉบับนี้มีการกำหนดให้รายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของนิติบุคคล (GHG Mandatory Reporting) เพื่อประเมินกลุ่มธุรกิจในการจัดสรรสิทธิปล่อยคาร์บอนในอนาคต ยิ่งทำให้บริษัทรายใหญ่ ต้องคัดเลือกผู้ประกอบการในซัพพลายเชนที่ปล่อยคาร์บอนต่ำและมีรายงานตัวเลขชัดเจน

ศ.ดร.ชนาธิป ทิ้งท้ายว่า หากเรายังกินเหมือนเดิม อุตสาหกรรมอาหารเพียงอย่างเดียวจะทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นอีก 1 องศาเซลเซียสภายในปี 2100 แต่คนรุ่นใหม่กำลังเติบโตไปพร้อมกับเทรนด์ eco-concious customer ที่มีพฤติกรรมเลิอกกินมากขึ้น ผู้ผลิตอาหารจึงต้องหันมาพัฒนาทางเลือกให้มากขึ้นด้วย

บทความโดย : ธันยมัย อนันตกรณีวัฒน์