นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อไม่ถึงสองเดือนก่อน พร้อมสัญญาว่าจะขุดเจาะน้ำมันอย่างเต็มที่และปลดปล่อยศักยภาพพลังงานของอเมริกาการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในสหรัฐฯ ก็ถูกลดความสำคัญลง
รัฐบาลชุดใหม่ได้สั่งให้ลบข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศออกไป และคณะรัฐมนตรีก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เว็บไซต์ของทำเนียบขาวถูกลบเนื้อหาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ หน่วยงานป่าไม้ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ได้ลบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการวิจัยและการปรับตัวต่อสภาพอากาศออกจากเว็บไซต์ นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังลบส่วนที่เกี่ยวกับภูมิอากาศและความยั่งยืนออกจากเว็บไซต์ของตน
ทุนสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตรที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ พลังงานสะอาด และการขนส่ง ถูกยกเลิกภายใต้นโยบายการประหยัดงบประมาณที่นำโดยมหาเศรษฐีเทคโนโลยี อีลอน มัสก์ ผู้รับทุนต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยบางคนกล่าวว่าการตัดงบนี้เป็นไปตามข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและมีแรงจูงใจทางการเมือง
ไม่ใช่เพียงหน่วยงานรัฐบาลที่ถอยห่างจากนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ แต่บริษัทเทคโนโลยี พลังงาน และอาหารหลายแห่ง ทั้งในและนอกสหรัฐฯ ก็เริ่มเปลี่ยนจุดยืน บางแห่งยกเลิกนโยบายภายในที่สนับสนุนการดำเนินการด้านสภาพอากาศ และบางแห่งถึงกับถอนตัวจากคำมั่นด้านสิ่งแวดล้อมที่เคยให้ไว้
เดือนมกราคม บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ Meta ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายการกลั่นกรองเนื้อหาบน Facebook และ Instagram โดย CEO มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ระบุว่า จะยุติโครงการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยบุคคลที่สาม และแทนที่ด้วยระบบ "community notes" ที่ให้ผู้ใช้เพิ่มบริบทให้กับโพสต์แทน
Meta เปิดตัวโครงการตรวจสอบข้อเท็จจริงในปี 2016 หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องข้อมูลเท็จในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และในปี 2020 บริษัทได้เปิดตัวศูนย์ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศบน Facebook เพื่อต่อสู้กับข้อมูลผิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Meta ได้ยุติสัญญากับองค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความกังวลว่าข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศจะแพร่กระจายโดยไม่มีการควบคุม
Meta ยังได้ลบส่วนที่เกี่ยวกับ การเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ออกจากหน้าเว็บด้านความยั่งยืนของบริษัทอีกด้วย
เมื่อเดือนที่แล้ว Bezos Earth Fund ได้ระงับการให้ทุนสนับสนุนมูลค่า 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่ Science Based Targets Initiative (SBTi) ซึ่งเป็นองค์กรที่ช่วยประเมินว่า บริษัทต่างๆ กำลังลดการปล่อยคาร์บอนตามข้อตกลงปารีสหรือไม่
แม้ว่าตัวแทนของ Earth Fund และ SBTi จะระบุว่าข้อตกลงนี้สิ้นสุดลงตามกำหนดเดิม และยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนต่อหรือไม่ แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่านี่เป็นการ ยอมจำนนต่อทรัมป์
ธนาคาร
ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ 6 แห่ง ได้แก่ Goldman Sachs, Wells Fargo, Citi Bank, Bank of America, Morgan Stanley และ JPMorgan ได้ถอนตัวจากพันธมิตรด้านสภาพภูมิอากาศ Net-Zero Banking Alliance ซึ่งเป็นโครงการที่ก่อตั้งโดย UN เพื่อกระตุ้นให้สถาบันการเงินลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050
ธนาคารแคนาดา 6 แห่ง และ HSBC ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป ก็ได้ถอนตัวออกไปเช่นกัน
บริษัทลงทุน
นอกจากธนาคารแล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุน BlackRock ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถอนตัวออกจาก Net-Zero Asset Managers Initiative (NZAM) ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์
BlackRock อ้างว่าการตัดสินใจนี้เกิดจากแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ของรัฐและการสอบสวนจากพรรครีพับลิกัน โดยก่อนหน้านี้บริษัทเคยถูกโจมตีว่าให้ความสำคัญกับนโยบายสิ่งแวดล้อมมากเกินไป
หลังจาก BlackRock ถอนตัว บริษัท Vanguard, Northern Trust และผู้จัดการสินทรัพย์รายอื่นๆ ก็ทำตาม ส่งผลให้ NZAM ต้องระงับการติดตามและรายงานความคืบหน้าของสมาชิกเพื่อตรวจสอบแนวทางใหม่
บริษัทพลังงาน
บริษัทพลังงานหลายแห่ง รวมถึง TotalEnergies ของฝรั่งเศส และ Equinor ของนอร์เวย์ ได้ลดการลงทุนในพลังงานสะอาดลง นอกจากนี้ บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของโลก เช่น Shell, ExxonMobil และ Chevron ต่างให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ BP บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ประกาศว่าจะลดการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มการผลิตน้ำมันและก๊าซแทน โดยอ้างว่าเป็น การปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มผลประกอบการและลดหนี้สิน
การถอยหลังขององค์กรธุรกิจและสถาบันการเงินจากนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของนโยบายต่อต้านการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามในการต่อสู้กับวิกฤตโลกร้อนทั่วโลก
ข้อมูลอ้างอิง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง