โดย GC Group ได้เตรียมเงินลงทุนสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อการเดินหน้าสู่เป้าหมายการลดคาร์บอน (Decarbonization) ภายในปี 2573 ภายใต้กรอบการดำเนินงาน 3 เสาหลัก ได้แก่ กลยุทธ์การขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ (Efficiency-driven) การขับเคลื่อนด้วยการบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ (Portfolio-driven) และการขับเคลื่อนการชดเชยคาร์บอน (Compensation-Driven) เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 20% ภายในปี 2573 รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593
หนึ่งในธุรกิจที่ GC เริ่มเดินหน้าแล้ว คือ ENVICCO โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง ระดับ Food Grade มาตรฐานระดับโลก ที่ลงทุนไปเกือบ 1,000 ล้านบาท ได้เริ่มทดลองเดินกระบวนการผลิตแล้วราว 40% และกำลังรอขั้นตอนการอนุมัติการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลชนิด rPET และ rHDPE เพื่อขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม จากองค์การอาหารและยา (อย.)
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า หาก ENVICCO ได้รับอนุมัติจาก อย. ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติประมาณไตรมาส 1 ปี 2566 ENVICCO จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 60-70% ซึ่งขณะนี้ผ่านการอนุมัติจาก FDA หรือองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาแล้ว
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย จะเริ่มลุยเต็มที่ในปี 2566 GC จะทำเรื่องรีไซเคิลพลาสติกต่อเนื่อง โดยกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนที่สหรัฐอเมริกา แต่จะเป็นการลงทุนที่ไม่สูงนัก เช่นเดียวกับโรงงานของ ENVICCO เพราะสหรัฐฯ ให้ความสนใจกับเรื่องคาร์บอนมาก และมีโอกาสดีกว่ายุโรป เพราะเน้นเรื่อง incentive (แรงจูงใจ) เป็นหลัก ต่างจากยุโรปที่ทำเรื่องของภาษี และการลงทุนด้านรีไซเคิล ก็ยังได้คาร์บอนเครดิตด้วย
นายณัฐนันท์ ศิริรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด กล่าวว่า โรงงาน ENVICCO เป็นการร่วมทุนระหว่าง GC และ ALPLA ผู้นำระดับโลกในธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกและพลาสติกรีไซเคิล เริ่มเปิดทำธุรกิจเมื่อ16 ตุลาคม 2565 ขณะนี้ทำรายได้ราว 100 ล้านบาท และเมื่อได้รับอนุมัติจาก อย. จะสามารถสร้างรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ InnoEco
โดยบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตขณะนี้ ยังเป็นบรรจุภัณฑ์คอนซูเมอร์โปรดักส์ เช่น White Spa Lotion ของมิสทีน ที่มีส่วนของเม็ดพลาสติกรีไซเคิล 25% แต่เมื่อได้รับอนุมัติจาก อย. จะได้เห็นขวด rPET ใน นํ้าดื่ม ชาเขียว และแบรนด์อื่นๆ เพิ่มเติม
สำหรับ ENVICCO มีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลสูงถึง 45,000 ตันต่อปี เม็ดพลาสติก ชนิด rPET จำนวน 3 หมื่นตันต่อปี และเม็ดพลาสติก ชนิด rHDPE 1.5 หมื่นตันต่อปี วัตถุดิบทั้งหมด 100% เป็นพลาสติกใช้แล้วในประเทศ ทำให้ช่วยลดขยะพลาสติกในประเทศได้ถึง 6 หมื่นตันต่อปี ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 7.5 หมื่นตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ส่วนซัพพลายเออร์ที่เป็นแหล่งวัตถุดิบ ขณะนี้มีประมาณ 18 ราย เป็นการทำสัญญาระยะยาว 5, 7, 10 ปี แล้วแต่ตกลง และมีรีไซเคิลฮับอยู่ 7 แห่ง คือที่ระยอง 5 แห่ง นครปฐม 1 แห่ง และสมุทรปราการอีกหนึ่งแห่ง ซึ่งอนาคตจะขยายเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง
ENVICCO ยังมีส่วนส่งเสริมชุมชน โดยการรับซื้อขวดพลาสติกตรงจากชุมชนตามราคาตลาด เพื่อเป็นการส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี และเป็นการเพิ่มรายได้ ช่วยสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศอีกทางหนึ่ง โดยขณะนี้รับซื้อมาแล้ว 190 ตัน มูลค่า 4.1 ล้านบาท
ดร.คงกระพัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2593 GC จะลดจากการดำเนินธุรกิจด้วยตัวเองให้ได้ 50% และอีก 50% คือใช้วิธีอื่น เช่น การกักเก็บและดูซับคาร์บอนไดออกไซด์ อย่างเรื่องการปลูกป่า และอื่นๆ รวมทั้งการซื้อคาร์บอนเครดิต ที่สามารถซื้อได้ไม่เกิน 10% จากคาร์บอนทั้งหมดที่ปล่อย และต้องเป็นคาร์บอนคุณภาพสูง เช่น ถ้าป่าก็ต้องเป็นปลูกใหม่ ทั้งหมด ก็เพื่อเดินสู่เป้ามายการเป็นศูนย์ในปี 2593 นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม GC มีธุรกิจอยู่ทั่วโลก การลดปริมาณคาร์บอน คือการทำธุรกิจในประเทศไหนก็ลดที่ประเทศนั้น เพราะมี Incentive ที่ต่างกัน ซึ่งอนาคตอาจมีการเทรดข้ามประเทศกันได้บ้าง อย่างเช่น ออลเน็กซ์ ที่ GC เข้าไปลงทุน ก็เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สามารถทำเรื่องคาร์บอนได้ดี มีคาร์บอนเครดิตเหลือที่สามารถนำมาขายได้ เป็นต้น