นายจักร จามิกรณ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สวนอุตสาหกรรม วินโคสท์ จำกัด(มหาชน) หรือ WIN เปิดเผยว่า จากอัตราค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้การติดตั้งการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นพลังงานที่มีความคุ้มค่าต่อการลงทุน
อีกทั้งยังทำให้ภาคการผลิตสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวและยังตอบสนองความต้องการพลังงานสะอาดให้กับองค์กรภาคเอกชนต่างๆ เพื่อที่จะเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์หรือ Net Zero
สำหรับการดำเนินธุรกิจด้านโซลาร์เซลล์ของบริษัทนั้น ได้มีการขยายงานโดยได้สัญญาเพิ่มเติมอีก 3 สัญญาได้แก่ สัญญาติดตั้งฯโครงการของ บริษัท ทีซีเคโซลาริส จำกัด ขนาดกำลังผลิต 6.468 เมกกะวัตต์ มูลค่า 158.49 ล้านบาทโดยจะเดินหน้าตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565- 30 มิถุนายน 2566 สัญญา ติดตั้งให้กับโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
เฟสที่ 2 ได้เริ่มก่อสร้างและส่งมอบงานงวดแรกเดือนธันวาคม 2565 และจบโครงการไตรมาสที่1 ปี 2566 และสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าให้แก่วัดคุณพุ่ม จังหวัดพิจิตร ซึ่งได้จ่ายไฟฟ้าแล้ว ในปีนี้บริษัทฯปิดสัญญา EPC 10 โครงการ
และยังคงดำเนินการร่วมพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์กับททบ 5 เฟส 2-5 และ สถานีโครงข่ายปี 2566 ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯรับรู้รายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายจักร กล่าวต่อไปอีกว่าส การดำเนินธุรกิจปี 2566 บริษัทยังมั่นใจว่าเติบโตต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการให้เช่าพื้นที่คลังสินค้าในเขตปลอดอากรและคลังทั่วไป ที่คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.5% ต่อปี โดยเฉพาะพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือีอีซี (EEC) ที่บริษัทมีความสามารถในการขยายพื้นที่เช่า และอัตราการเช่าได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2565
ส่งผลให้อัตราค่าเช่าที่ดีกว่าค่าเช่าเฉลี่ยในตลาด โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา มียอดเช่าคลังสินค้าในเขตพื้นที่ปลอดอากร และพื้นที่ทั่วไปแตะเฉลี่ย 80% ของพื้นที่ทั้งหมดทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ประกอบกับการเช่าพื้นที่คลังสินค้ายังได้รับอานิสงส์จากธุรกิจการค้าออนไลน์และโลจิสติกส์ที่เติบโตซึ่งคาดว่าตลาด e-Commerce จะเติบโตเฉลี่ย 20-25% ต่อปี ทำให้มีการเช่าใช้พื้นที่เพื่อรวบรวมสต็อกสินค้าก่อนส่งมอบ
ส่วนการลงทุนพื้นที่คลังสินค้าทั่วไปเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.0% ต่อปี เป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่ไม่สอดรับกับความต้องการตลาด ส่งผลให้อัตราค่าเช่าพื้นที่สามารถปรับขึ้นได้ระดับเฉลี่ย 85-86%
อย่างไรก็ตาม ภาวะการแข่งขันของตลาดผู้ให้เช่าคลังสินค้า จะมีปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อดึงดูดผู้เช่า โดยวางแผนลงทุนคลังสินค้าสมัยใหม่ ในรูปแบบการพัฒนาพื้นที่อาคารคลังสินค้าตามความเหมาะสม (Build-to-suit) และคลังสินค้าสำเร็จรูป (Ready-built warehouse) โดยมีการลงทุนนำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการมากขึ้น เช่น การจัดเก็บสินค้าด้วยหุ่นยนต์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถปรับขึ้นค่าเช่าได้ง่ายขึ้น และการทำสัญญาจะยาวนานกว่าคลังสำเร็จรูปในแบบดั้งเดิม
ด้านผลประกอบการในปี 65 นั้น มีรายได้รวมปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นการเติบโตของธุรกิจเช่าพื้นที่คลังสินค้าที่มีการใช้บริการเช่าพื้นที่คลังสินค้าสูงถึง 77% ของพื้นที่คลังสินทั้งหมด และธุรกิจการติดตั้งและพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ที่ได้บรรลุข้อตกลง และลงนามสัญญารับเหมาก่อสร้าง(EPC)เพื่อติดตั้งแผงโซลาร์เพิ่มเติมอีก 2 สัญญา ดังนั้นภาพรวมของการดำเนินธุรกิจได้รับปัจจัยบวก สอดรับกับทิศทางของเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ
การเติบโตของบริษัทจะสอดรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยซึ่งปี 65 เศรษฐกิจไทยรับอานิสงส์จากการเปิดประเทศทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่ม ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องฟื้นตัว ซึ่งเป็นแรงหนุนกำลังซื้อภายในประเทศเพิ่ม ประกอบกับการส่งออกยังโตต่อเนื่องและรัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเป็นระยะๆ จึงทำให้เศรษฐกิจไทยปี 65
โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ราว 3.2% จากปี 64 ขณะที่ปี 66 กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะโตได้ 3.7% จากปี 65 ที่คาดการณ์ว่าโต 2.8% ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตและภาคการค้าระหว่างประเทศ