รู้หรือไม่ ? ประเทศไทย ติดอันดับ 9 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด จากรายงานดัชนีความเสี่ยงสภาพภูมิอากาศโลกปี 2021โดย German Watch ได้ประมวลข้อมูลช่วงปี 2000-2019 พบว่า ไทยมีความเสี่ยงต่อสภาพอากาศผันผวน เช่น น้ำท่วม คลื่นความร้อนสูงขึ้น น้ำทะเลเพิ่มสูง สะท้อนให้เห็นว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ประเทศไทยเราอาจจะเผชิญกับความเสี่ยงที่ทำให้เกิดหายนะสภาพภูมิอากาศที่ยากเกินจะหลีกเลี่ยง
หากย้อนกลับไปดูเมื่อปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหากับภัยพิบัติที่รุนแรงมากขึ้น พื้นที่น้ำท่วมยังคงท่วมซ้ำซากและขยายวงกว้างมากขึ้นในพื้นที่ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยเกิดน้ำท่วมมาก่อน ในปี 2565 มีจังหวัดที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย 55 จังหวัด มีครัวเรือนที่ได้รับความเสียหายกว่า 530,000 ครัวเรือน พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 4,400,000 ไร่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้คือส่วนหนึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่วิกฤตโลกร้อนยังคงส่งผลกระทบทั่วทุกมุมโลก และทำลายสถิติความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวัน
บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับประเทศไทย เราจะได้เห็นการปรับกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงจากธุรกิจเดิมเพื่อไปสู่ธุรกิจใหม่หรือลงทุนในธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตมากขึ้น สอดคล้องตามวิสัยทัศน์ของ ปตท. "Powering Life with Future Energy and Beyond" มุ่งขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต โดยมีมาตรการ 3 เร่ง ได้แก่ เร่งปรับ-เร่งเปลี่ยน-เร่งปลูกป่า เพื่อนำไปสู่การพิชิตเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 พาประเทศไทยสู่เป้าหมายที่เร็วขึ้นอีก 15 ปี
เร่งปรับ - ปรับกระบวนการผลิต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านโครงการที่กลุ่มปตท.ดำเนินการโดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่มปตท. ลง 15% เช่น
เร่งเปลี่ยน - สู่ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เร่งปลูกป่า - เพื่อดูดซับก๊าซเรือนกระจก
นอกจากมาตรการเร่งปรับ เร่งเปลี่ยน เร่งปลูกป่า ที่สะท้อนถึงภาพใหญ่ระดับองค์กร ที่กลุ่มปตท. กำลังดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำแล้ว ปีที่ผ่านมา ปตท. ออกแคมเปญเพื่อให้ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมประหยัดพลังงานจากการดำเนินชีวิตประจำวัน ผ่านภาพยนตร์โฆษณาในแคมเปญ “ทราบแล้วเปลี่ยน” ที่ได้ Salmon House โปรดักชั่นเฮ้าส์โฆษณา มานำเสนอเรื่องราวของการประหยัดพลังงานให้เข้าใจง่ายและใกล้ตัวกับผู้ชมมากที่สุด โดยมีวิธีการประหยัดพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน ใน “กลยุทธ์ 4 ป. 3 ช.” ดังนี้
“กลยุทธ์ 4 ป.” ประหยัดค่าไฟ
ปิดไฟ - ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น และเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED
ปรับแอร์ - ตั้งอุณภูมิแอร์ไม่ต่ำกว่า 25°C
ปลดปลั๊ก - ควรถอดปลั๊กทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน
เปลี่ยนเป็นเบอร์ 5 - ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน (ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5) ซึ่งจะช่วยคำนวณค่าใช้จ่ายโดยประมาณต่อปีได้
“กลยุทธ์ 3 ช.” ประหยัดน้ำมัน
เช็กรถ - หมั่นตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำ
ชัวร์เส้นทาง - วางแผนการเดินทางทุกครั้ง
ใช้รถสาธารณะ - ประหยัดค่าน้ำมันกว่ารถส่วนตัว
เรื่องของปัญหาภาวะโลกร้อน ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องประเมินผลกระทบอยู่เสมอ เพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงทุกวัน เพราะกการดำเนินกิจกรรมบนโลกยังคงนำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศในทุกวินาที สิ่งที่ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องทำ ณ ขณะนี้ คือการไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มเติม และปรับเปลี่ยนธุรกิจ ซึ่ง กลุ่มปตท. มุ่งเน้นเรื่องของการรุกสู่ธุรกิจพลังงานในอนาคตมากขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว พร้อมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้านพลังงาน ในฐานะบริษัทพลังงานของประเทศไทย