นายยุทธนา สุวรรณโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สถาบันนวัตกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยเปิดเผยในงาน Tech Talk ในงาน PTT Group Tech & Innovation Day ว่า ปัจจุบันนวัตกรรมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อก่อนสถาบันฯ เป็นเสมือนพี่ใหญ่ที่คิดค้นนวัตกรรมให้กับกลุ่ม ปตท. ซึ่งขณะนี้บริษัทในกลุ่มปตท. ได้เริ่มมีนวัตกรรมใหม่ ๆ แซงหน้าและเกิดขึ้นมากมาย
รวมถึงมีจำนวนพนักงานเท่ากับสถาบันฯ แล้ว ดังนั้น สถาบันฯ ได้มุ่งมั่นคิดต้นนวัตกรรมตามเป้าหมายและวิสัยทัศน์ ปตท. อาทิ สนับสนุนทั้งในเรื่องของการลดค่าใช้จ่าย พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในแต่ละสายธุรกิจ รวมถึงเป้าหมาย Net Zero ตามการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจใหม่ 30% ในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ.2573)
โดยเฉพาะการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ ผ่านเทคโนโลยี และอินโนเวชั่น เพื่อให้ทุกบริษัทในกลุ่ม ปตท. ดำเนินในเป้าหมายเดียวกัน ถือได้ว่าสถาบันฯ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในทุกภาระกิจของกลุ่มปตท.
“เมื่อเทรนด์โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเราก็ต้องปรับตาม เพื่อให้ทีมนวัตกรรมได้เเรียนรู้ในการอัพสกิล รีสกิล คิดค้นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนองค์กร เพราะที่ผ่านมาเราทำวิจัยให้องค์กร แต่ปัจจุบันกลุ่มย่อยมีความเข้มแข็ง เราก็จะยังคงสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์แล้วส่งมอบให้องค์กรย่อยอย่างต่อเนื่อง อาทิ เทคโนโลยีกักเก็บ เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจกลุ่มปตท. อาทิ ผงฟู หรือแม้แต่การพัฒนา LNG ในภาคการขนส่ง เป็นต้น”
อย่างไรกHดี กลุ่มปตท. ได้เดินหน้าในอุตสาหกรรมใหม่ตามวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี), พลังงานทดแทน, ระบบโลจิสติกส์, สมาร์ทดีไวซ์, ไฮโดรเจน หรือแม้แต่เรื่องของ เอไอ โรโบติกส์ โดยเป้าหมายของสถาบันฯ คือเพื่อเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ให้ 7 บริษัทหลักในกลุ่มปตท. ถือเป็นชความหวังของประเทศไทยในการก้าวสู่สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ เปลี่ยนโฉมธุรกิจให้สามารถทำงานร่วมกันเพื่อความยั่งยืนสู้เป้าหมาย Net Zero"
นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า Innovation Strategy of PTT Group ถือว่ามีความสำคัญมากในการดำเนินธุรกิจยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในเรื่องของนวัตกรรม ซึ่งกลุ่ม ปตท. รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ต่างแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อผลักดันการสร้างสรรนวัตกรรมด้านพลังงานและเทคโนโลยีให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตามวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond ของกลุ่ม ปตท. นอกจากจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของกลุ่ม ปตท. พร้อมรับทุกกระแสการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
และขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงให้กับประเทศไทยแล้ว ยังช่วยสนับสนุนให้กลุ่ม ปตท. บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2583 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปีพ.ศ. 2593 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ โดยเฉพาะการที่ทุกภาคส่วนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์และเทคโนโลยีร่วมกัน ถือเป็นหัวใจหลักสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero