นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงรัฐบาลชุดใหม่ว่า รัฐบาลบาลที่คิดนโยบายออกมาเพื่อประชาชน ถือว่าทำถูกต้องแล้ว แต่ต้องการให้ดูแลในระยะยาว ควบคู่กับการดูสถานการณ์โลก เพราะที่ผ่านมาจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการค้าระหว่างประเทศ นโยบายปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
รวมถึงเรื่องของเงินเฟ้อ มีผลต่อการบริหารประเทศทั้งสิ้น จึงคาดหวังนโยบายภาครัฐที่มั่นคง สามารถรับแรงกระทบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากภายนอก และนโยบายต้องต่อเนื่อง สนับสนุนภาคธุรกิจ ทั้งด้านภาษี และการเงิน เป็นต้น
นายสาครินทร์ ตังคะวชิรานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจไฟฟ้า บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนที่จะเข้ามา สิ่งที่หนีไม่พ้น คือ การเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด ความเป็นกลางทางคาร์บอนที่การดำเนินธุรกิจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อต้องเปลี่ยนผ่านพลังงานอาจต้องเน้นในเรื่องของพลังงานหมุนเวียน ที่ยังไม่มีความเสถียร 100% ซึ่งอาจจะต้องคงพึ่งพาพลังงานแบบเดิม แต่จะอยู่ในระดับไหน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลใหม่จะต้องมุ่งเน้นทั้งภาคประชาชน และอุตสาหกรรม ว่าจะทำอย่างไรให้ค่าไฟฟ้าไม่สูงจนเกินไป ให้กระทบประชาชนน้อยที่สุด ส่วนการตรึงราคาค่าไฟฟ้า ขอใช้คำว่าการบริหาร โดยพยุงราคาเพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
แต่หากตรึงมากจนไม่สะท้อนภาคการผลิตไฟฟ้าของทั้งรัฐและเอกชน สุดท้ายปัญหาก็ย้อนกลับมา ดังนั้นประเทศไทยที่ใช้กลไกสูตรไฟฟ้าผันแปร ค่าเอฟที (ค่า FT) ในการบริหารค่าไฟยังคงต้องมี แต่รัฐบาลต้องดูว่าจะบริหารอย่างไรไม่ให้เดือนร้อน เหมาะสมที่สุด ทั้งภาคการลงทุน การผลิต และประชาชน