นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE เปิดเผยว่า ภาครัฐควรผลักดันการใช้งานเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงไปสู่อุตสาหกรรมการบิน เพื่อเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสะอาดสำหรับเครื่องบิน และอื่นๆ ที่จะเป็นการหนุนปริมาณการใช้เอทานอลในประเทศให้ใกล้เคียงกับกำลังการผลิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่เพียงช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเอทานอลของไทย
ทั้งนี้ ยังเป็นสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด ลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศทำให้ประเทศไทยลดการพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศ และสร้างเสถียรภาพความมั่นคงด้านพลังงานในช่วงราคาน้ำมันผันผวน และที่สำคัญที่สุดคือการช่วยเกษตรกรในการสนับสนุนสินค้าทางเกษตรในประเทศ
ส่วนเอทานอลเกรดเชื้อเพลิง ซึ่งอาจจะมีทิศทางที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องยกเลิกการจ่ายเงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพในอนาคตนั้น ตนเห็นว่า หน่วยงานภาครัฐยังจำเป็นต้องมีนโยบายส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันพื้นฐานต่อไป
สำหรับ UBE นั้น มีโรงงานผลิตเอทานอลกำลังการผลิต 400,000 ลิตรต่อวัน หรือเทียบเท่ากำลังการผลิต 146 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งถือเป็นกำลังการผลิตต่อ 1 สายการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง โดยสามารถผลิตได้ทั้งเอทานอลเกรดเชื้อเพลิง (Fuel Grade Alcohol) และเกรดอุตสาหกรรม (Industrial Grade Alcohol) ซึ่งปัจจุบันได้รับใบอนุญาตแบบชั่วคราวให้นำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์แอลกกอฮอล์ทำความสะอาดมือ
นางสาวสุรียส กล่าวอีกว่า บริษัทฯให้ความสำคัญกับทุกกระบวนการตลอดวัฎจักรของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นน้ำ ซึ่งเป็นการบริหารจัดการวัตถุดิบมันสำปะหลัง โดยเฉพาะการส่งเสริมการปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์ที่มีคุณภาพผ่านโครงการอีสานล่าง 2 โมเดล (เดิม โครงการอุบลโมเดล) ต่อมาถึงกระบวนการผลิตที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
รวมถึงการเดินตามเป้าหมายการใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าที่สุด และการเพิ่มมูลค่าของเสียที่เกิดจากการผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ซึ่งเป็นการลดขยะตั้งแต่ต้นทางเพื่อไม่ให้เกิดของเสียออกจากกระบวนการผลิต ด้วยการนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต เช่น น้ำและกากมันสำปะหลัง มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยนำมาเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนในโรงงานผลิตเอทานอลและแป้งมันสำปะหลัง นอกจากนี้ ก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ส่วนหนึ่งจะนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้หมุนเวียนในโรงงานเพื่อลดต้นทุนการผลิต
ในส่วนของธุรกิจเอทานอลซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักนั้น ภาพรวมของธุรกิจเอทานอลยังมีโอกาสเติบโต เนื่องจากเป็นพลังงานสะอาดและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกมาก หากแต่ต้องได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ
อย่างไรก็ดี ในส่วนของเกรดอุตสาหกรรมซึ่งควรเปิดเสรีการใช้งานเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม เพื่อต่อยอดการใช้งานเอทานอลไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ การขยายการใช้งานไปยังอุตสาหกรรมไบโอพลาสติก ยา และเครื่องสำอาง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มุ่งเป้าขับเคลื่อนสู่เป้าหมายดังกล่าว ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
โดยเดินหน้าความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อร่วมกันวิจัยและพัฒนา รวมถึงแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อนำไปสู่การต่อยอดไอเดียหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น ความร่วมมือด้าน R&D กับ สถาบันนวัตกรรม ปตท. เพื่อนำเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงมาพัฒนาสายพันธุ์ยีสต์ทนร้อนเพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเอทานอล เป็นต้น