18 สิงหาคม 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศพระราชกฤษฎีกา เปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566 เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการเป็นหน่วยงานเพื่อรองรับการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
โดยเนื้อหาระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ไว้ ณ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 195 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 8 ตรีแห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นติน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. 2543 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566”
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราซกิจจานุเบกษา.เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้เปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ระบุว่า ในวันนี้ประเทศไทยได้มี "กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม" จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนชื่อ "กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม" เป็น "กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม" โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างหาที่สุดมิได้ เนื่องจากปัจจุบันปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก หรือปัญหาภาวะโลกร้อน กำลังเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่ทั่วโลกต่างกำลังเร่งสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะเมื่อเลขาธิการสหประชาชาติได้ออกมาชี้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า อุณหภูมิของพื้นผิวโลก และอุณหภูมิของมหาสมุทรในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาในปีนี้ อยู่ในระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็นสัญญาณเตือนว่า เรากำลังเริ่มต้นสิ้นสุดยุคของ "ภาวะโลกร้อน" (Global Warming) และกำลังเข้าสู่ยุค "ภาวะโลกเดือด" (Global Boiling) แล้ว
ดังนั้น การตั้งกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ในครั้งนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ประเทศไทยมีหน่วยงานรองรับการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมโดยตรง
"ผมได้กำชับให้ท่านปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท่านจตุพร บุรุษพัฒน์ กำกับติดตามการเปลี่ยนผ่านจากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ไปสู่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องราบรื่นไร้ข้อติดขัด
ร่วมกับท่านอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมคนแรก คือ ท่านสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล ซึ่งจะทำหน้าที่ต่อเนื่องจากหน้าที่อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
หลังจากนี้ รอเพียงการประกาศกฎกระทรวงการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็จะทำให้กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ที่มีโครงสร้างการทำงานปรับปรุงจากโครงสร้างเดิมของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
มีโครงสร้างส่วนหนึ่งมาจากกองประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีโครงสร้างการทำงานที่สมบูรณ์ พร้อมเริ่มงานตามภารกิจได้ทันที" นายวราวุธ กล่าว
คลิกอ่านฉบับเต็ม พระราชกฤษฎีกา เปลี่ยนชื่อ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็น กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2566