นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงาน “SUSTAINABILITY FORUM 2024” หัวข้อ "PTT Synergy for Sustainability" ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ว่า ไทยออยล์ได้ดำเนินการวางกลยุทธ์ 3V ได้แก่
ทั้งนี้ ไทยออยล์ดำเนินธุรกิจสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมาย Net Zero ปี 2606 จึงให้ความสำคัญด้าน ESG และได้ทำต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว เนื่องจากเป็นอีกส่วนที่อยู่ในกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ช่วยให้อยู่คู่กับผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนได้อย่างยั่งยืน ทั้งผู้ค้า ลูกค้า ชุมชน และสังคม สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านความยั่งยืน และสามารถเติบโตด้านเศรษฐกิจ เมื่อทำได้ดี จะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ นักลงทุนจึงจะสนับสนุน
"แนวคิดดังกล่าวจะทำให้องค์กรเติบโต มีผลตอบแทนระยะยาว สร้างความมั่นใจ ไม่ว่าจะธุรกิจ องค์กร พนักงานมั่นใจว่า โดยจะยังอยู่แม้ว่าธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) จะมา เพราะรูปแบบพลังงานเปลี่ยน ซึ่งไทยออยล์จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง การที่ไทยออยล์มีความมุ่งมั่นพนักงานจะรู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของความยั่งยืน"
อย่างไรก็ดี ไทยออยล์ได้ทรานฟอร์มรูปแบบธุรกิจในอนาคต โดยปัจจุบันส่วนใหญ่กำไรสุทธิ 2 ใน 3 ช่วง 5 ปี ย้อนไปมาจากธุรกิจปิโตรเลียม 80-90% และจะทรานฟอร์มไปธุรกิจคาร์บอนต่ำ และมีมูลค่าสูง 20% ในอีก 7-10 ปีข้างหน้า พร้อมขยายธุรกิจปิโตรเคมีไปสู่ภูมิภาค อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม อินเดีย เพื่อเพิ่มสัดส่วนกำไรเป้าหมายอนาคต 30% จากปัจจุบัน 14%
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจปัจจุบันต้องลดการปลดปล่อยโดยเฉพาะการศึกษาเทคโนโลยีให้ถูกที่ถูกเวลา การลงทุนเร็วจะทำให้ขีดความสามารถแข่งขันไม่ดี ไทยออยล์จะเป็นองค์กรที่มุ่งสู่องค์กร 100 ปี โดยปีนี้เข้าสู่ปีที่ 63 การจะอยู่ได้อย่างยาวๆ จะต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ความร่วมมือของพนักงานเป็นปัจจัยสำคัญ รวมถึงภาครัฐจะต้องสนับสนุนทั้งด้านการลงทุนสิ่งใหม่ๆ และนโยบายภาษีคาร์บอน จะเป็นปัจจัยในการพิจารณาจะเดิน