"บีทีเอส" จับมือ กทม. ตั้งเป้าโปรเจ็กต์รถคันนี้ลดฝุ่น PM 2.5 แตะ 3 แสนคัน

07 ก.พ. 2567 | 13:01 น.
อัพเดตล่าสุด :07 ก.พ. 2567 | 13:08 น.

"บีทีเอส" จับมือ กทม. เดินหน้าโปรเจ็กต์รถคันนี้ลดฝุ่น ชวนประชาชนตรวจสภาพรถรับบัตรกำนัล 100 บาทขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอส ฟากกทม.ตั้งเป้ารถตรวจสภาพแตะ 3 แสนคัน ภายในสิ้นเดือนนี้ ดันกทม.ขึ้นแท่นเมืองปลอดฝุ่น PM 2.5

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า สำหรับโครงการ รถคันนี้ ลดฝุ่น เป็นการบูรณาการไร้รอยต่อลดฝุ่น PM2.5 โดยกทม.และกระทรวงพลังงานได้ขอความร่วมมือบริษัทผู้ค้าน้ำมัน และบริษัทผู้ค้ารถยนต์ จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการใช้น้ำมัน Euro5 และบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตามนโยบายปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 เป็น Euro5 โดยกระทรวงพลังงาน เนื่องจากน้ำมัน Euro5 มีกำมะถันลดลงกว่า 5 เท่า จึงส่งผลให้ลดการปล่อย PM2.5 ในเครื่องยนต์ดีเซลได้กว่า 20%

\"บีทีเอส\" จับมือ กทม. ตั้งเป้าโปรเจ็กต์รถคันนี้ลดฝุ่น PM 2.5 แตะ 3 แสนคัน

"ปัจจุบันมีรถที่ตรวจสภาพแล้วประมาณ 168,000 คัน โดย กทม.ตั้งเป้ารถที่เข้ารับตรวจสภาพรถและเปลี่ยนไส้กรองประมาณ 300,000 คัน"

 

ทั้งนี้กทม.ได้ทำการทดสอบการปล่อย PM2.5 จากยานยนต์จำลองดีเซล Euro 3 ที่ผ่านการตรวจควันดำแล้ว ณ โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร (อาทร สังขะวัฒนะ) เขตทุ่งครุ โดยมีการตั้งข้อสังเกตระหว่าง ยานยนต์ที่ไม่มีการบำรุงรักษา และยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษา โดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์ และน้ำมันเครื่อง

 

ขณะเดียวกันจากการทดสอบโดย sensors ตรวจวัดคุณภาพอากาศ จากโครงการ AIRLAB Microsensors Challenge 2023 ในห้องขนาดพื้นที่ 50 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งผลการทดสอบพบว่า ยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษา โดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์ และน้ำมันเครื่องสามารถลดการปลดปล่อย PM2.5 ได้จริง ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ และไส้กรองอากาศตามเวลา หรือก่อนระยะเวลาที่กำหนดจะสามารถช่วยลดการปล่อย PM2.5 ได้ถึง 25% และช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ได้อีกด้วย

นายดาเนียล รอสส์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการลงทุน และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเพื่อความยั่งยืน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บีทีเอส กรุ๊ปฯ มั่นใจว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อคนกทม.อย่างแน่นอน โดยบริษัทฯ ได้มีการประกอบธุรกิจที่นอกเหนือจากรถไฟฟ้าบีทีเอส

\"บีทีเอส\" จับมือ กทม. ตั้งเป้าโปรเจ็กต์รถคันนี้ลดฝุ่น PM 2.5 แตะ 3 แสนคัน

ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังมีการให้บริการธุรกิจขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ได้แก่ รถบัส เรือด่วนเจ้าพระยา และล่าสุดที่ได้มีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Pinto ฯลฯ โดยบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการประกอบธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี นับตั้งแต่การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสในปี 2542 เป็นต้นมา

 

 นอกจากนี้บีทีเอสได้ช่วยให้ผู้โดยสารมีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโลกร้อน ไปแล้วกว่า 2.1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากการเดินรถไฟฟ้าจำนวนกว่า 4,000 ล้านเที่ยว ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ จำนวน 222 ล้านต้น ซึ่งบริษัทยังเป็นบริษัทขนส่งทางรางแห่งแรก และแห่งเดียวที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และในฐานะที่บีทีเอส กรุ๊ปฯ เป็นบริษัทขนส่งที่ยั่งยืนที่สุดในโลก เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุน ทุกการเดินทางที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรูปแบบใดก็ตาม

 

 ทั้งนี้ประเทศไทยได้มีการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 เพื่อให้เป้าหมายดังกล่าว ประสบความสำเร็จจะต้องได้รับความร่วมมือในทุกภาคส่วน จากทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนในการเป็นต้นแบบที่ดีให้กับสังคม และประชาชนในอนาคต บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือ

 

 "โครงการครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น ในอีกหลาย ๆ โครงการกับ กทม. เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานร่วมกัน ในการผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่สะอาด และมีสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น"

สำหรับข้อกำหนด และเงื่อนไขการแลกรับบัตรกำนัล ดังนี้

 1. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือไส้กรองกับภาคีที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ Auto1, FIT Auto, Bangchak, Shell, PT, Autobacs, Cockpit, B-Quik, LIQUI MOLY, Hino, Toyota, Suzuki, Nissan, Mitsubishi Motors, Isuzu, Honda, Ford, Mazda

 

 2. ผู้โดยสารนำใบเสร็จฉบับจริงของภาคีที่เข้าร่วมโครงการนี้มาแสดงที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟฟ้า บีทีเอสที่เข้าร่วมโครงการ 5 สถานี ได้แก่ สถานีหมอชิต, สถานีช่องนนทรี, สถานีสยาม, สถานีอโศก และสถานีห้าแยกลาดพร้าว

 

 3. ใบเสร็จลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566 - 29 กุมภาพันธ์ 2567

 

4. การให้สิทธิ์นี้ เฉพาะใบเสร็จที่ออกโดยร้านค้า ที่ร่วมลงทะเบียนเป็นภาคีกับโครงการนี้เท่านั้น

 

5. ใบเสร็จต้องเป็นแบบฟอร์มที่มีการระบุหมายเลขทะเบียนรถยนต์อย่างชัดเจน ไม่รับใบเสร็จที่เขียนเติม เลขทะเบียนรถด้วยลายมือ

 

 6. ต้องเป็นใบเสร็จฉบับจริงเท่านั้น ไม่รับสำเนาใบเสร็จ และใบเสร็จต้องมีเลขที่ผู้เสียภาษีกำกับอยู่ และบริษัทฯ ขอเก็บใบเสร็จสำหรับเป็นหลักฐานในการรับบัตรกำนัล

 

7. ขอสงวนสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเฉพาะสมาชิกแรบบิท รีวอร์ดส เท่านั้น โดยไม่จำกัดระยะเวลาการเป็นสมาชิกของผู้เข้าร่วมโครงการฯ

 

8. บัตรกำนัลมีมูลค่า 100 บาท สามารถนำมาแลกเป็นมูลค่าในบัตรแรบบิท สำหรับการใช้จ่ายในระบบ รถไฟฟ้าบีทีเอส หรือ ร้านค้าที่สามารถชำระเงินด้วยบัตรแรบบิทได้ ทั้งนี้บัตรกำนัลไม่สามารถนำมาแลก เป็นเงินสดได้

 

 9. ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำใบเสร็จการตรวจสอบสภาพรถ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือไส้กรอง มารับบัตรกำนัล ได้ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ - 31 มีนาคม 2567 หรือจนกว่าบัตรกำนัลจะหมด