ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ต่อยอดภารกิจเพื่อความยั่งยืน (Sustainability) ครอบคลุมทั้งการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เร่งส่งเสริมการเติบโตของ "สตาร์ทอัพ Climate Tech" ผ่านความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ
ตลอดจนดึงจุดแข็งเครือข่ายพันธมิตร เชื่อมโยงความร่วมมือกับทุกภาคส่วน รวมพลังกู้วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ลุยจัดสัมมนาครั้งใหญ่แห่งปี "Decarbonize Thailand Symposium 2024 : Path to Net Zero Collaboration" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ร่วมกับ นิวเอนเนอร์จี้ เน็กซัส (ประเทศไทย)
โดยได้รวบรวม "สตาร์ทอัพ Climate Tech ดาวรุ่ง 4 กลุ่ม" ได้แก่ E-Mobility, Decarbonization, AgriTech และ Energy รวมถึงองค์กรชั้นนำจากทั้งในและต่างประเทศ มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
พร้อมเดินหน้าเสริมแกร่งศักยภาพระบบนิเวศครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการเทค ที่โดดเด่นทั้งศูนย์กลางนวัตกรรมเทคโนโลยี แหล่งหลอมรวมองค์ความรู้ และเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี (Tech Talent) ปูทางสตาร์ทอัพเติบโตได้ไม่สิ้นสุด
นายฐนสรณ์ ใจดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change นับเป็นหนึ่งในความเสี่ยงของโลก โดยสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ได้เผยแพร่รายงานความเสี่ยงโลกประจำปี 2567 (Global Risks Report 2024) ระบุถึงความเสี่ยงจากเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว (Extreme Weather Events) เป็นความเสี่ยงอันดับหนึ่งในมิติสิ่งแวดล้อมที่มีแนวโน้มจะรุนแรงในอีก 10 ปีข้างหน้า
ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตระหนักดีว่า การบรรเทาผลกระทบและแก้ไขปัญหา Climate Change เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จึงเดินหน้านำศักยภาพระบบนิเวศครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการเทค สร้างคอมมูนิตี้เชื่อมโยงความร่วมมือในแก้ไขปัญหาวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลกระทบรุนแรงมากขึ้นทั้งในด้านสภาพแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของโลก
ด้วยความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมผลักดันประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) อีกทั้งยังตอกย้ำบทบาทของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ในการสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาปรับใช้และสามารถเปลี่ยนผ่านสู่โมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่มุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน
ตลอดจนส่งเสริมเหล่าสตาร์ทอัพเร่งพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีเข้าสู่ตลาด Climate Tech คว้าโอกาสเติบโตในระยะยาว สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ในการส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง (Empowering Digital Equity) เพื่อให้ผู้คน องค์กรธุรกิจ รวมถึงประเทศไทย ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมอย่างคุ้มค่า”
ดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พาร์ค ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน (Sustainability) อย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนาโครงการและมีการออกแบบก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เน้นสร้างสภาพแวดล้อมธรรมชาติด้วยพื้นที่สีเขียวและพื้นที่กลางแจ้งมากกว่า 20,000 ตารางเมตร พร้อมนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานและลดมลภาวะ ทำให้ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ได้รับการรับรอง LEED Gold Certified จากสภาอาคารสีเขียวสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ยังผลักดันการเติบโตของสตาร์ทอัพ Climate Tech ผ่านความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการจัดโครงการและกิจกรรมที่จะสร้างพลังเครือข่าย กระตุ้นให้เกิดการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
ดร.ธาริต กล่าวเสริมว่า “ตลาด Climate Tech มีการเติบโตจากความต้องการใช้นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนขององค์กรธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถเติมเต็มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางนโยบายที่เข้มงวดของภาครัฐและกฎระเบียบทางการค้าใหม่ๆ ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มุ่งเน้นเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
อย่างไรก็ตาม สตาร์ทอัพผู้พัฒนานวัตกรรม Climate Tech ยังต้องการมาตรการส่งเสริมการเติบโตจากภาครัฐ และการสนับสนุนทั้งในด้านการตลาดและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Climate Tech ให้มีความหลากหลายและก้าวหน้าในระยะยาว
โดย นวัตกรรม Climate Tech 4 กลุ่มที่น่าจับตามอง ได้แก่
• E-Mobility - EV และระบบขนส่ง
• Decarbonization - การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การบริหารจัดการคาร์บอน และคาร์บอนเครดิต
• AgriTech - ระบบบริหารจัดการน้ำ เชื้อเพลิงชีวภาพ และวัตถุดิบทางเลือก
• Energy - การบริหารจัดการพลังงาน และพลังงานหมุนเวียน
ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มนวัตกรรม Climate Tech นี้ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ร่วมกับ นิวเอนเนอร์จี้ เน็กซัส (ประเทศไทย) เชื่อมโยงสตาร์ทอัพจากทั้งในและต่างประเทศกว่า 20 ราย มาร่วมโชว์เคสในงาน "Decarbonize Thailand Symposium 2024: Path to Net Zero Collaboration" เพื่อแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ เสริมสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งในสังคมแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ถือเป็นเวทีสัมมนาแห่งปีที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ด้วยความร่วมมือของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค และ นิวเอนเนอร์จี้ เน็กซัส (ประเทศไทย) ร่วมกับ เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย, บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น, มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) และอีกหลากหลายพันธมิตร ตั้งเป้าหมายในการขยายความร่วมมือในมิติต่างๆ ที่จะเร่งกระตุ้นการปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างความตื่นตัวขององค์กรธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ให้พร้อมรับมือกับความท้าทายจากวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เพื่อโลกที่ยั่งยืน
โดยมีไฮไลท์ในงานที่น่าสนใจ ทั้งการบรรยายและเสวนาโดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรชั้นแนวหน้าที่นำศักยภาพและเทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุนการก้าวสู่ Net Zero พร้อมโชว์เคสหลากหลายนวัตกรรมโซลูชันจากสตาร์ทอัพ Climate Tech ชั้นนำ
รวมถึงกิจกรรม Networking Party ร่วมพูดคุยกับบุคคลในแวดวง Climate Tech ที่จะแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ ตลอดจนการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างสตาร์ทอัพกับองค์กรต่างๆ ที่ต้องการโซลูชันเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดและโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนจาก VC และ CVC ที่จะร่วมสนับสนุนอุตสาหกรรม Climate Tech ให้มีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
นายฐนสรณ์ กล่าวสรุปว่า “ปัจจุบัน ทรู ดิจิทัล พาร์ค มีสตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการเทค เอสเอ็มอี และองค์กรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เชื่อมโยงอยู่ในระบบนิเวศมากกว่า 5,800 ราย โดย ทรู ดิจิทัล พาร์ค จะยังคงเดินหน้าภารกิจหลักในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบนิเวศครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการเทค ควบคู่กับการจัดกิจกรรมทั้งงานสัมมนาและ Networking เพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา มหาวิทยาลัย บริษัทเทคชั้นนำระดับโลก นักลงทุน และสตาร์ทอัพ
เติมเต็มความมุ่งมั่นที่จะเป็นแหล่งหลอมรวมองค์ความรู้ และดึงดูด Tech Talent จากทั่วโลก ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกและต่อยอดธุรกิจเติบโตได้ไม่สิ้นสุด”