นายกฯ ประกาศ ไทยจะเป็นผู้นำพลังงานสะอาด พร้อมรับการลงทุนเศรษฐกิจสีเขียว

29 พ.ค. 2567 | 07:02 น.

นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ประกาศบนเวที UBS Asian Investment Conference (AIC) 2024 ที่ฮ่องกง ไทยจะเป็นผู้นำพลังงานสะอาดในภูมิภาค และเดินหน้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว พร้อมเชิญเอกชนที่เชี่ยวชาญเข้ามาลงทุนพลังงานสะอาด

KEY

POINTS

  • ประกาศ ไทยจะเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาค โดยภายในปี 2040 ไฟฟ้ากว่า 50% ของไทยจะมาจากพลังงานหมุนเวียน
  • มุ่งเน้นการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และ net-zero ในปี 2065 ส่งเสริมการลงทุนในพลังงานสะอาดด้วยการเชิญชวนภาคเอกชนร่วมลงทุนในไทย
  • เดินหน้าเศรษฐกิจสีเขียวและความยั่งยืน ด้วยการลงทุนในตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนมูลค่าเกือบ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้

 

วันนี้ (29 พ.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงาน UBS Asian Investment Conference (AIC) 2024 โรงแรม Four Seasons เขตบริหารพิเศษฮ่องกง  

ซึ่งงานนี้เป็นงานรวมตัวของภาคธุรกิจ นักลงทุนจากสถาบันการเงินทั่วโลก และบุคคลที่มีชื่อเสียงในภาคธุรกิจ มากกว่า 2,000 ราย รวมทั้งบริษัทในเอเชียแปซิฟิก 300 แห่ง ซึ่งได้มาหารือกันถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และการค้า การลงทุน ในภาคต่าง ๆ

นายกฯ ประกาศ ไทยจะเป็นผู้นำพลังงานสะอาด พร้อมรับการลงทุนเศรษฐกิจสีเขียว

นายกฯได้ปาฐกถาในหัวข้อ “Wisdom: An eye on the past, a view to the future” ระบุว่า สอดคล้องกับนโยบายและวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ที่นำภูมิปัญญา หรือ Wisdom จากประสบการณ์ในอดีต มาเป็นแนวทางในการรับมือกับความท้าทาย และกำหนดอนาคตของประเทศไทย

โดยความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวของไทยที่มีมาตั้งแต่อดีตนี้ ถือเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ไทยผ่านพ้นสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ซับซ้อน และสามารถคว้าโอกาสที่ช่วยประเทศให้เติบโตทางเศรษฐกิจได้ 

นายกรัฐมนตรี ปาฐถกาตอนหนึ่งถึงนโยบายของรัฐบาลในด้านการส่งเสริมความยั่งยืนว่า ไทยให้ความสำคัญกับการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม ผ่านการปรับปรุงเศรษฐกิจสีเขียว และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด 

นายกฯ ประกาศ ไทยจะเป็นผู้นำพลังงานสะอาด พร้อมรับการลงทุนเศรษฐกิจสีเขียว

ในขณะที่เพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และ net-zero ภายในปี 2065 ซึ่งในปี 2040 ไทยจะกลายเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาค โดย 50% ของไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศไทยมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 

นายกฯ กล่าวว่า เชิญชวนภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงานสะอาดมาร่วมลงทุนในไทยมากขึ้น ซึ่งในปีนี้รัฐบาลมีแนวทางที่จะใช้เงินทุนจำนวนเกือบ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (3 หมื่นล้านบาท) ในตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน

และเน้นย้ำถึงความยั่งยืนทางการเงินและการคลัง ซึ่งไทยยังคงรักษาระดับหนี้สาธารณะและการขาดดุลทางการคลังอยู่ในขอบเขตที่จัดการได้ และด้วยทุนสำรองระหว่างประเทศที่เพียงพอ ไทยจะยังคงรักษาการเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไว้ได้

นายกฯ ประกาศ ไทยจะเป็นผู้นำพลังงานสะอาด พร้อมรับการลงทุนเศรษฐกิจสีเขียว
 
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงวิสัยทัศน์ Ignite Thailand ทั้ง 8 วิสัยทัศน์ ซึ่งจะขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางที่ครอบคลุมทั้งด้าน

1. การบิน ซึ่งไทยจะอัพเกรดสนามบินที่มีอยู่และสร้างสนามบินเพิ่มเติม เพื่อให้บริการมากขึ้นและเป็นทางเลือกของการคมนาคม

2. การท่องเที่ยว ซึ่งปีหน้าจะเป็นปีสำคัญของการท่องเที่ยวไทย รัฐบาลอยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อจัดกิจกรรมระดับโลกจัดที่ประเทศไทย อาทิ Art Basel และ Formula 1

3. การรักษาพยาบาลและสุขภาพ

4. การเกษตรและอาหาร

5. การขนส่ง

6. การผลิตยานยนต์แห่งอนาคต

7. เศรษฐกิจดิจิทัล

8. ศูนย์กลางทางการเงิน

นายกฯ ประกาศ ไทยจะเป็นผู้นำพลังงานสะอาด พร้อมรับการลงทุนเศรษฐกิจสีเขียว

โดยนายกรัฐมนตรีประกาศว่า ต้องการทําให้ประเทศไทยเป็น "สถานที่ที่น่าอยู่" เป็นสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของบริษัททางการเงิน ซึ่งเป็นด้านที่ไทยมีศักยภาพ ด้วยการสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล ประกอบกับศักยภาพของประเทศไทย ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าวิสัยทัศน์นี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม

โดยนายกรัฐมนตรีเชิญชวนทุกคนร่วมการเดินทางในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาล บวกกับศักยภาพของประเทศไทยที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อนวัตกรรมและการเติบโต นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถสร้างอนาคตที่เจริญรุ่งเรือง ยั่งยืน และครอบคลุม เพื่อประโยชน์และความสำเร็จร่วมกัน  

นายกฯ ประกาศ ไทยจะเป็นผู้นำพลังงานสะอาด พร้อมรับการลงทุนเศรษฐกิจสีเขียว

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียังประกาศถึงความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับทุกคน เพื่อมุ่งให้บรรลุความสำเร็จร่วมกัน และเน้นย้ำความพร้อมสู่การเปิดประตูต้อนรับการลงทุนในประเทศไทยจากต่างชาติ