นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ” ว่าการเปิดตัว iPhone 14 ล่าสุดสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงอย่างแรกคือ ไทยเป็นประเทศกลุ่มแรก (Tire 1) ที่ แอปเปิล เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 9 กันยายน 2565 และวางจำหน่ายวันที่ 16 กันยายน 2565
“แอปเปิลมองเห็นศักยภาพของตลาดไทย โดยก่อนหน้านี้ได้เข้ามาตั้งแอปเปิล สโตร์ ในไทย 2 แห่ง ล่าสุดได้เปิดขาย iPhone 14 ในไทยเป็นประเทศกลุ่มแรก (Tire 1) ซึ่งเท่ากับว่าคนไทยสามารถซื้อ ได้ใช้ iPhone รุ่นใหม่เร็วขึ้น เทียบเท่ากับสหรัฐ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์”
อีกเรื่องหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงของโปรดักส์ โดย iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ดีไซน์ใหม่หน้าจอไร้รอยบาก วางตำแหน่งกล้องใหม่ ฟีเจอร์ใหม่ “Dynamic Island” เพิ่มลูกเล่นให้กับรูบนหน้าจอ แม้จะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่ก็สร้างความตื่นเต้นให้กับสาวกแอปเปิล ส่วนการเปลี่ยนแปลงราคา ที่เพิ่มขึ้น 3,000 บาท นั้นมองว่าไม่กระทบกับกลุ่มผู้ใช้ไอโฟน ที่มีกำลังซื้อสูง ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ หรือ ปัญหาค่าครองชีพ
“iPhone 14 จะเข้ามากระตุ้นตลาดที่ชะลอตัวไป สิ่งที่ตัวแทนจำหน่ายกังวลขณะนี้ คือ ซัพพลายไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยรุ่นที่ขายดีน่าจะเป็น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์หน้าตา การวางกล้องหน้าใหม่ ใช้ชิป A16 ตัวใหม่ น่าจะได้รับการตอบรับจากสาวกไอโฟน ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ ส่วน iPhone 14 ธรรมดา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก”
นายนราธิป กล่าวต่อไปอีกว่า เจมาร์ท โมบาย พร้อมเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้า iPhone 14 วันที่ 9 กันยายน 2565 และวางจำหน่ายวันที่ 16 กันยายน 2565 ตามที่แอปเปิล ประกาศ โดยแคมเปญที่วางไว้เบื้องต้น จะมีการเพิ่มประกันจาก 1 ปี เป็น 2 ปี การรับประกันจอแตก รวมถึงแคมเปญช่วยลูกค้าแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย จากราคาเครื่องที่เพิ่มขึ้น 3,000 บาท ทั้งแคมเปญส่วนลดค่าเครื่องร่วมกับ AIS, แคมเปญได้เวลาเปลี่ยน นำเครื่องเก่าแลกเครื่องใหม่ หรือ การนำเจพอยท์ มาเป็นส่วนลดค่าเครื่อง รวมไปถึงแคมเปญผ่อนดอกเบี้ย 0%
ด้านนายธีริทธิ์ เปาวัลย์ นักวิเคราะห์ตลาด ไอดีซี ประเทศไทย กล่าวว่ากระแสการตอบรับ iPhone 14 เทียบเท่า iPhone 13 รุ่นที่ขายดีสุด โดยไทยเป็นประเทศที่ขายผลิตภัณฑ์ แอปเปิล ทั้ง iPhone iPad มากสุดในอาเซียน ทำให้แอปเปิลให้ความสำคัญ เลือกเปิดตัว iPhone 14 ในไทยเป็นประเทศกลุ่มแรก (Tire 1) เป็นครั้งแรก ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อในตลาดลดลง ทำให้ภาพรวมตลาดช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมามีการชะลอตัวไป โดยเฉพาะกลุ่มสมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ อย่างไรก็ตามในตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอ็นด์นั้นตลาดคงที่ ทำให้แอปเปิล รีบวางขาย iPhone 14 เพื่อช่วงชิงกำลังซื้อในกลุ่มสมาร์ทโฟนไฮเอ็นด์
สำหรับราคาที่เพิ่มขึ้น 3,000 บาท ไม่ส่งผลกระทบกับความต้องการ หรือกำลังซื้อของกลุ่มผู้ใช้ไอโฟน โดยเชื่อว่าโอปอเรเตอร์ จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันยอดขาย iPhone 14 ทั้งการจัดแคมเปญส่วนลดเมื่อซื้อพร้อมแพคเกจ หรือแคมเปญเงินผ่อน โดยรุ่นที่ขายดีสุด จะเป็น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max เนื่องจากกลุ่มผู้ใช้ไอโฟน ชอบเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับตัวชิปใหม่ A16 และกล้อง
อนึ่ง iPhone 14 มีขนาดจอ 6.1 นิ้ว และ iPhone 14 Plus จอใหญ่ 6.7 นิ้ว โดยมีดีไซน์เดิมเหมือน iPhone 13 กล้องหน้า TrueDepth ใหม่ ชิป A15 Bionic มาพร้อม GPU 5-core มีขนาดความจุให้เลือก 128GB / 256GB / 512GB มีให้เลือก 5 สี สีมิดไนท์, สีฟ้า, สีสตาร์ไลท์, สีม่วง และรุ่น (PRODUCT)RED1 โดย iPhone 14 ราคาเริ่มต้น 32,900 บาท ส่วน iPhone 14 Plus ราคาเริ่มต้น 37,900 บาท โดยiPhone 14 เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้า 9 กันยายน 2565 และวางจำหน่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2565 และ iPhone 14 Plus จะวางจำหน่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2565
ส่วน iPhone 14 Pro ขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว และ iPhone 14 Pro Max ขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว มาพร้อมดีไซน์แบบใหม่ ไร้รอยบากบนหน้าจอ ฟีเจอร์ใหม่ “Dynamic Island” เพิ่มลูกเล่นให้กับรูบนหน้าจอ ใช้ชิปใหม่ A16 Bionic (CPU แบบ 6-core และ GPU แบบ 5-core) ที่ทำงานเร็วขึ้นและประหยัดพลังงานขึ้น กล้องหลัง 3 ตัว = Wide 48MP + Ultra Wide 12MP + Telephoto 12MP iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำสเปซแบล็ค, ม่วงเข้ม, ทอง และเงิน มีความจุให้เลือก 128GB / 256GB / 512GB / 1TB iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max เริ่มให้สั่งซื้อล่วงหน้า 9 กันยายน 2565 และ เริ่มวางจำหน่าย วันที่ 16 กันยายน 2565 iPhone 14 Pro เริ่มต้น 41,900 บาท และ iPhone 14 Pro Max เริ่มต้น 44,900 บาท