ทรู ไอดีซี พบว่าตลาดคลาวด์ในประเทศไทยมีมูลค่าการเติบโตสูงถึง 25,550 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอยู่ที่เติบโต 18.79% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งสะท้อนความต้องการของผู้ใช้งานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้ลงทุนพัฒนาทั้งระบบคลาวด์และทีมงานสนับสนุนเพื่อมาตอบสนองตลาด ไม่เพียงเท่านี้ จากประสบการณ์การให้บริการระบบคลาวด์ชั้นนำมาอย่างยาวนาน
ทรู ไอดีซีพบว่าธุรกิจไทยยังคงมีช่องว่างความต้องการใช้งานระบบคลาวด์ที่สามารถเชื่อมต่อและส่งผ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว มีความหน่วงต่ำ หรือ Low Latency มีค่าใช้จ่ายในการถ่ายโอนข้อมูลต่ำ สามารถปรับลดขนาดการใช้งานได้อัตโนมัติ มีความปลอดภัยสูง และมีความต้องการจัดเก็บข้อมูลสำคัญให้อยู่ในประเทศ เช่น อุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร อุตสาหกรรมบันเทิงและบริการคอนเทนต์ อุตสาหกรรมการผลิตที่มีการใช้งานร่วมกันอุปกรณ์ไอโอที และอุตสาหกรรมอื่น ๆ
โดยทรู ไอดีซีคลาวด์เป็นระบบคลาวด์สาธารณะในประเทศ (Domestic Public Cloud) ที่ถูกออกแบบและพัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้ให้ธุรกิจไทยสามารถเพิ่มพูนประสิทธิภาพของระบบไอที ลดข้อกำจัดในการดำเนินธุรกิจ การันตีความต่อเนื่องของการให้บริการสูงถึง 99.95% อีกทั้งยังเหมาะสมกับการใช้งานเพื่อรองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันในรูปแบบการแบ่งระบบเป็นส่วนย่อย (Microservices) ที่สามารถทำงานบนบริการ True IDC Kubernetes Service ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้งานคลาวด์ในรูปแบบ Infrastructure-as-a-Service โดยทั่วไป โดยบริการนี้จะพร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565 เป็นต้นไป
นายธีรพันธุ์ เจริญศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “ทรู ไอดีซี มุ่งเน้นที่จะให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลตั้งแต่ดาต้า เซ็นเตอร์ไปจนถึงระบบคลาวด์อย่างครบวงจร และด้วยศักยภาพของธุรกิจที่มีรายได้เติบโตเฉลี่ย 25% ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนการลงทุนเพิ่มในโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่ปี 2563 ถึงปี 2564 ในมูลค่าที่สูงถึง 2,000 ล้านบาท ทำให้ทรู ไอดีซีขยายขีดความสามารถในการรองรับการปรับตัวเข้าสู่วิถีดิจิทัลของหลายธุรกิจในช่วงวิกฤตการณ์โควิดที่ผ่านมา
และในปี 2565 ทรู ไอดีซีก็ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยการสร้างและให้บริการทรู ไอดีซีคลาวด์ อีกหนึ่งเรือธงสำคัญที่มาเติมเต็ม Ecosystem ให้ Digital Infrastructure สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยผมเชื่อมั่นว่าระบบคลาวด์นี้จะช่วยปลดล็อกธุรกิจไทยให้มีความยืดหยุ่นเพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เนื่องจากทรู ไอดีซีคลาวด์ถูกพัฒนาจากความต้องการของลูกค้าโดยแท้จริงไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บหรือโอนย้ายข้อมูลภายในประเทศด้วยการเชื่อมต่อที่เสถียรและมีความมั่นคงปลอดภัยสูง, การมี Latency ที่ต่ำ, การสนับสนุนโดยเจ้าหน้าที่คนไทยที่เข้าใจและใส่ใจลูกค้า, ราคาที่เหมาะสมกับคนไทยโดยไม่มีผลกับอัตราแรกเปลี่ยนต่างประเทศที่อาจมีความผันผวนสูง และระบบคลาวด์นี้ยังตั้งอยู่ในดาต้า เซ็นเตอร์ของทรู ไอดีซีที่ปฏิบัติงานและควบคุมดูแลตามมาตรฐานสากลระดับโลกพร้อมรางวัลการันตีถึง 10 ปี”
นายเดวิด เมสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “ทรู ไอดีซีคลาวด์สร้างโอกาสให้กับธุรกิจไทยสามารถเลือกใช้และเข้าถึงระบบคลาวด์ที่เหมาะสมกับแนวทางการทำธุรกิจของตนเอง สามารถเชื่อมต่อระบบไอทีขององค์กรกับทรู ไอดีซีคลาวด์ในรูปแบบไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud) หรือเชื่อมต่อเข้ากับระบบคลาวด์อื่น ๆ ในรูปแบบมัลติคลาวด์ (Multi-Cloud) เพื่อเลือกจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่ต้องการได้อย่างอิสระ สามารถเพิ่มลดขนาดการใช้งานได้อัตโนมัติตามความต้องการจริง รวมถึงมีฟังก์ชันการทำงานที่ออกแบบมาเพื่อนักพัฒนาแอปพลิเคชันให้สามารถทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
โดยทรู ไอดีซีจะมีทีมงานให้การดูแลการย้ายระบบแบบใกล้ชิดและดูแลระบบตลอด 24 ชม. ในส่วนของการพัฒนาทรู ไอดีซีคลาวด์ เราวางกลยุทธ์จะสร้างฟังก์ชันการใช้งานใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น ตรงกับความต้องการมากยิ่งขึ้น”
ประเภทของการให้บริการ
บริการของทรู ไอดีซีคลาวด์ประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือ
1. บริการ Infrastructure-as-a-Service ที่ครอบคลุมการทำงานเรื่องโครงสร้างพื้นฐานไอที อาทิ การประมวลผลข้อมูล (Compute) การจัดเก็บข้อมูล (Storage) การทำฐานข้อมูล (Database) การเชื่อมต่อเครือข่าย (Network) การรักษาความปลอดภัย (Security) พร้อมความสามารถในการส่งข้อมูลแบบไม่จำกัด (Unlimited Data Transfer)
2. บริการ Container-as-a-Service ภายใต้ชื่อ True IDC Kubernetes Service หรือ TKS ที่มีฟังก์ชันการสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับซอฟต์แวร์และสนับสนุนการโยกย้ายข้อมูลได้อย่างสะดวก ซึ่งบริการนี้เหมาะสำหรับเหล่านักพัฒนาแอปพลิเคชันที่ทำงานด้วยแนวคิดการพัฒนาแอปพลิเคชันยุคใหม่ (Cloud Native) ที่มีความยืดหยุ่นสูง ความคล่องตัวสูง แต่ความเสี่ยงต่ำและใช้ทรัพยากรน้อย ให้สามารถส่งมอบแอปพลิเคชันออกสู่ตลาดได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
3.บริการ Professional Service โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจะดูแลตั้งแต่การให้คำปรึกษา การประเมินระบบไอทีเดิม การออกแบบโครงสร้างระบบ การคิดค้นโซลูชันที่เหมาะสมกับแต่ละอุตสาหกรรม การนำโซลูชันคลาวด์ไปปรับใช้จริง และบริการเฝ้าระวังดูแลระบบให้สามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชม.