บอร์ดดีอี ไฟเขียวจัดตั้งสถาบันบิ๊กดาต้าภาครัฐใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ติดปีกบริการภาครัฐ เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทย
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยในการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2562 วันนี้ (8 พฤษภาคม2562) โดยมี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานฯ ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องสืบเนื่องและพิจารณาเรื่องสำคัญในครั้งนี้ หลัก ๆ 3 ประเด็น โดยประเด็นสำคัญเรื่องแรก คือ การจัดตั้งสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (Government Big Data Institute) และบอร์ดดีอีพิจารณาการจัดตั้งสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ โดยปรับรูปแบบของ Service Delivery Unit ให้เป็น Business Unit ภายใต้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐเกิดกลไกการวิเคราะห์ขนาดใหญ่ซึ่งจะช่วยสนับสนุนในเรื่องต่างๆ อาทิ การบริหารงบประมาณ การให้บริการสาธารณะตรงตามความต้องการของประชาชน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562
ประเด็นที่สองจะพิจารณาเรื่อง ความสอดคล้องของแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (พ.ศ. 2561-2564) กับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งประกาศและมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2562 จากที่คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบหลักการแผนฯ แล้วเมื่อคราวการประชุมครั้งที่ 2/2562 สำหรับการจัดทำแผนแม่บทก็ได้มีการปรับปรุงและอ้างอิงมาจากแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ 20 ปี และแผนปฏิบัติการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ 5 ปี ที่รวมประกาศเป็นนโยบายและแผนระดับชาติแล้ว ก้าวต่อไป คือ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จะประสานงานขับเคลื่อนแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล พ.ศ. 2561-2564 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ประเด็นที่สาม บอร์ดดีอี เห็นชอบ การปรับแผนงบประมาณรายจ่ายโครงการเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ประจำปี 2562 ซึ่งสำนักงาน กสทช. เสนอปรับแผนงบประมาณรายจ่ายโครงการ ประจำปี 2562 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ ปรับเปลี่ยนวิธีดำเนินโครงการศึกษาเพื่อกำหนดรูปแบบและหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ที่รองรับการให้บริการ 5G จากเดิมจัดจ้างที่ปรึกษา เป็น ความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัย Calmers University of Technology ภายในกรอบวงเงินเดิมที่ได้รับอนุมัติ และปรับเพิ่มโครงการระบบตรวจสอบสิ่งผิดกฎหมายจากการออกอากาศทางวิทยุและโทรทัศน์ระดับภูมิภาค วงเงิน 95.010 ล้านบาท ซึ่งการปรับแผนดังกล่าวนี้ อยู่ภายใต้กรอบวงเงินเดิมที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นของบอร์ดดีอี เมื่อคราวการประชุมครั้งที่ผ่านมา (ครั้งที่ 5/2561)