ไดสัน เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่สำหรับใช้ภายในบ้าน สู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเหล่านี้จะนำความสะดวกสะบายและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาให้กับผู้ใช้ รวมถึงการแก้ปัญหาเรื่องอากาศที่คุณหายใจเข้าไป แสงสว่าง ฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้
นายเจค ไดสัน หัวหน้าวิศวกร ไดสัน กล่าวว่า ไดสันเตรียมนำสินค้านวัตกรรมใหม่ 3 ซีรีส์ เข้ามาทำตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย โดยจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายในประเทศไทยประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2562 ประกอบด้วย พัดลมกรองอากาศส่วนตัว Pure Cool Me โดยเทคโนโลยี Core Flow ผลิตกระแสลมที่แม่นยำและสม่ำเสมอมอบทั้งลมเย็นและอากาศสะอาดตลอดทั้งปี และมีฟิลเตอร์ HEPA ที่มีประสิทธิภาพมลพิษอนุภาคขนาดเล็กพิเศษ หรือสารก่อภูมิแพ้ ได้ถึง 99.95% อาทิ เกสรดอกไม้ สปอร์รา และแบคทีเรีย และมีคาร์บอนมีคุณสมบัติดูดซับและดักจับ แก็ส กลิ่น และควันภายในครัวเรือนเช่นสาร VOCs มีระบบเซ็นเซอร์แสงอัจฉริยะในการวัดสภาวะแสงโดยรอบ และทำงานอัตโนมัติเพื่อหรี่หรือเพิ่มความสว่างของจอแอลซีดีที่ผังอยู่ในตัวเครื่องแบบเรียลไทม์ สามารถเซ็ตโหมดการนอนหลับระหว่าง 30 นาที ถึง 8 ชั่วโมง
โคมไฟสำหรับการใช้งานโดยเฉพาะ Dyson Lightcycle ออกแบบมาเพื่อรองรับวงจรของระบบการทำงานในร่างกายมนุษย์โดยการติดตามแสงสว่างของท้องถิ่น สามารถปรับอุณหภูมิสีและความสว่างอย่างต่อเนื่อง โดยมีความสัมพันธ์กับเวลาและแสงแดดถ้องถิ่นของผู้ใช้ และออกแบบมาเพื่อลดการเมื่อยล้าของสายตา ด้วยความสว่างมากกว่า 1,000 Lux ป้องกันแสงสะท้อนและแสงที่มีความสั่นไหวต่ำ สามารถเชื่อมต่อเพื่อการใช้งานส่วนตัว: สามารถปรับใช้งานให้เข้ากับอายุและกิจวัตรประจำวันของผู้ใช้ ด้วยแอพของ ไดสัน
และเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V11 ที่เพิ่มประสิทธิภาพพลังงานและเวลาใช้งานอย่างอัจฉริยะ ทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ทำความสะอาดพื้นได้นานสูงสุด 60 นาที ด้วยแบตเตอรี่ที่ทรงพลังที่สุดของไดสัน หน้าจอ LCD แสดงให้เห็นถึงโหมดการทำความสะอาด และช่วยให้การสลับโหมดระหว่าง Eco, Auto และ Boost เป็นไปอย่างง่าย หัวแปรงทำความสะอาดแรงบิดสูงพร้อมระบบเซ็นเซอร์โหลดแบบไดนามิก (DLS) สามารถปรับเปลี่ยนระบบการทำงานระหว่าพื้นพรมและพื้นแข็งได้โดยอัตโนมัติ สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กเพียง 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.97%
“ไดสัน ได้ลงทุนไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อปรับปรุงวิธีการทำงานของผลิตภัณฑ์ต่างๆในชีวิตประจำวัน โดยได้นำระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์มาพัฒนาใช้ด้วยกัน ทำให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่ใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้ และช่วยมอบความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คน”