HISO BUS แพลตฟอร์มเช่ารถบัส-รถตู้ออนไลน์ ต่อยอดปั้นบริการ Fleet ex ระบบ บริหารจัดการ เพื่อผู้ประกอบการเตรียมรุกธุรกิจกลุ่มบริษัททัวร์ขยายบริการสู่เมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศ
ธุรกิจในรูปแบบ Sharing Economy หรือเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการแบ่งปัน เรียกได้ว่าเริ่มเป็นธุรกิจยอดนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด อย่างเช่น Airbnb หรือ Uber ที่สร้างการรับรู้ให้กับคนในหลากหลายประเทศ ขณะที่ในปัจจุบันการทำธุรกิจไม่สามารถทำแค่เพียงการเป็นแพลตฟอร์มตัวกลางเพื่อจับคู่ (Matching) ระหว่างผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้แล้ว โดยอาจต้องมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) เข้ามาเป็นส่วนช่วยเพื่อต่อยอดธุรกิจ เช่นเดียวกับ HISO BUS แพลตฟอร์มให้บริการเช่ารถบัสและรถตู้ที่เกิดขึ้นจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถบัส โดยผู้ก่อตั้งทั้ง 3 คือ นายศุภกร เกียรติแสงทอง ซีอีโอ, นายจีรยุทธ สุดเจริญ ซีเอ็มโอ และนายจักรพันธ์ เพชรแอน ซีทีโอ
นายจีรยุทธ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จุดเริ่มต้นของ “HISO BUS” นั้นมาจากหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งที่มีธุรกิจเป็นผู้ประกอบการรถบัสที่มองเห็นถึงความยากและปัญหาในขั้นตอนของการเช่ารถบัสและรถตู้ จึงมีความคิดริเริ่มที่จะทำเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความสะดวกสำหรับการจองรถบัสผ่านช่องทางออนไลน์ จากการทำเว็บไซต์ได้ประมาณ 3 เดือน พบว่ายอดการจองมีมากขึ้นจนเกินกว่าปริมาณรถที่มี จึงหาพาร์ตเนอร์ผู้ประกอบการรถบัสเข้ามาร่วมให้บริการบนเว็บไซต์ และเกิดเป็นแพลตฟอร์ม “HISO BUS” ขึ้นเพื่อที่ทำให้การจองรถบัสเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับผู้บริโภคและผู้ประกอบการ แต่ในปัจจุบันการเป็นแพลตฟอร์มตัวกลางเพื่อแมตชิ่งนั้นไม่เพียงพอ ไฮโซ บัส จึงได้มีการพัฒนาบริการใหม่ ภายใต้ชื่อ Fleet ex หรือระบบ ERP ( Enterprise Resource Planning) สำหรับบริหารจัดการให้กับผู้ประกอบการรถบัส
“หลังจากที่ไฮโซ บัส ให้บริการมาประมาณ 1 ปี พบว่าผู้ประกอบการรถบัสส่วนใหญ่นั้นยังไม่มีระบบบริหารจัดการหน้าร้าน จึงได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ Fleet ex โดยจะเป็นระบบบริหารจัดการทุกอย่าง ตั้งแต่การดูแลรถซัพพลายเออร์ในเครือข่ายของเรา การดูแลและบริหารจัดการด้านการเงิน เสมือนเป็น ERP ของวงการรถขนส่ง ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงการพัฒนาและทดสอบการใช้งาน คาดว่าจะได้เห็นในช่วงประมาณไตรมาสแรกของปีหน้า”
ปัจจุบันไฮโซ บัสให้บริการในรูปแบบเว็บไซต์เป็นหลัก และอยู่ในช่วงของการพัฒนาแอพพลิเคชันสำหรับการให้บริการ คาดว่าจะพร้อมใช้งานในช่วงต้นปีหน้า พร้อมๆ กับระบบบริหารจัดการซึ่งเป็นรูปแบบซอฟต์แวร์ที่จะติดตั้งให้กับเจ้าของรถ เนื่องจากแนวโน้มของธุรกิจแชริ่งอีโคโนมีในไทยตอนนี้ยังมีโอกาสเติบโตอยู่ แต่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเพราะต่อไปธุรกิจต่างๆ จำเป็นที่จะต้องมองเรื่องของการนำเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) มาใช้ ล่าสุดไฮโซ บัสมีรถบัสในเครือข่ายประมาณ 2,000 คัน ลูกค้าองค์กรที่มาใช้บริการกว่า 400 บริษัท โดยลูกค้าปัจจุบันของไฮโซ บัส เป็นกลุ่มลูกค้าองค์กร 80% และบริษัททัวร์ (Tour Agent) 20% ซึ่งเป้าหมายต่อจากนี้จะโฟกัสไปที่กลุ่มของบริษัททัวร์และกลุ่มบริษัทท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้อัตราการเติบโตปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 5 เท่า (YoY) ขณะที่รายได้นั้นมีการเติบโตเมื่อเทียบกับตอนเริ่มต้นธุรกิจประมาณ 10 เท่า ซึ่งรายได้หลักมาจากค่าธรรมเนียมการจอง 20% นอกจากนี้ไฮโซ บัสยังมองไปที่เรื่องของความปลอดภัย โดยการพัฒนาอุปกรณ์ไอโอทีเข้ามาใช้เพื่อติดตาม (Tracking) การเดินทางให้มีความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงอุปกรณ์สำหรับตรวจวัดปริมาณแอล กอฮอล์ของคนขับ และระบบเตือนภัยเมื่อมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งขณะนี้กำลังพูดคุยกับพาร์ตเนอร์ทางประเทศอิสราเอล รวมถึงในเมืองไทยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว
นอกจากนี้ไฮโซ บัส ต้องการที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าบริษัททัวร์ที่คาดว่าจะเข้ามาใช้บริการของไฮโซ บัสมากกว่า 50 บริษัท ภายในไตรมาสแรก ปี 2563 โดยลูกค้ากลุ่มบริษัททัวร์และกลุ่มองค์กร เป็นกลุ่มที่มีความถี่ในการใช้รถบัสค่อนข้างสูงจึงมองว่ามีโอกาสที่จะขยายบริการไปยังกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น และตั้งเป้าที่จะขยายการให้บริการไปยังต่างประเทศในช่วงประมาณปี 2564 เริ่มจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมา กัมพูชา ที่กำลังอยู่ในช่วงศึกษาตลาด รวมถึงยังได้มีการพูดคุยกับพาร์ตเนอร์ อย่าง บริษัทประกัน สถาบันการเงิน เพื่อมองหาพันธมิตรในการต่อยอดธุรกิจ ทั้งนี้ในปัจจุบันไฮโซ บัสระดมทุนอยู่ในรอบซี้ด (Seed Round) และเตรียมที่จะระดมทุนในรอบใหม่ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 โดยตั้งเป้าเงินระดมทุนที่จะได้รับอยู่ที่ประมาณ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามเป้าหมายในปีนี้ไฮโซ บัสปักหมุดที่จะให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่ส่วนใหญ่เน้นให้บริการในโซนพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก เนื่องจากเริ่มมีดีมานด์เข้ามาทำให้มองเห็นโอกาสในการจะขยายธุรกิจออกไปในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ซึ่งคาดว่าประมาณ 3-6 เดือน น่าจะครอบคลุมทั่วประเทศ
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3505 ระหว่างวันที่ 15 - 18 กันยายน 2562