กองทัพอากาศ เตรียมส่ง ดาวเทียม นภา-1 ดวงแรก ขึ้นอวกาศ

วันที่ 19 มิถุนายน 2563 เวลา 8 โมง 51 นาที 10 วินาที จรวด Vega ของบริษัท Arianespace จะบินขึ้นเพื่อนำส่ง ดาวเทียม NAPA-1 ซึ่งเป็น ดาวเทียมดวงแรก ของ กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force ขึ้นสูงวงโคจร ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของกองทัพไทยที่จะมีดาวเทียมสำรวจใช้งานเป็นของตนเอง โดยโครงการนี้มีผู้รับผิดชอบคือศูนย์ปฏิบัติการทางอวกาศกองทัพอากาศ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือกองทัพอวกาศของไทยนั่นเอง

จรวด Vega เป็นจรวดที่ออกแบบมาสำหรับนำส่งดาวเทียมขนาดเล็กที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 300 ถึง 2,500 กิโลกรัมไปยังวงโคจรระดับต่ำ ซึ่งส่วนมากเป็นดาวเทียมเพื่อการสำรวจและวิทยาศาสตร์ โดยจะนำส่งที่ Guiana Space Centre ในเมืองคูรู เฟรนช์เกียร์น่า ที่เดียวกับที่เคยนำส่งดาวเทียมไทยคม-1 ขึ้นสู่อวกาศ และนำส่งในนามของบริษัท ISISpace ซึ่งเป็นคู่สัญญาของ กองทัพอากาศ ในโครงการ NAPA-1 โดยในภารกิจเดียวกันจะมีสัมภาระของโครงการ SSMS POC (Small Satellites Mission Service Proof of Concept) ซึ่งเป็นโครงการแบ่งปันพื้นที่บนจรวดในการนำส่งดาวเทียม (Ridesharing concept) ดาวเทียมของบริษัท D-Orbit, Spaceflight Industries และ SITAEL รวมถึงดาวเทียมขนาดเล็ก (CubeSat) อีก 52 ดวง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“กองทัพอากาศ”สั่งกำลังพล-ครอบครัวงดไปปท.เสี่ยงไวรัส

“สสว.” ผนึก “กองทัพอากาศ” ผลิต “โดรน” หนุนงานกองทัพ

ภายใต้สัญญากับบริษัท Innovative Solutions in Space (ISISpace) ของประเทศเนเธอร์แลนด์นั้น ยังรวมถึงการส่งมอบสถานีควบคุมภาคพื้นดินและการฝึกอบรมกำลังพลของ กองทัพอากาศ เพื่อให้มีความรู้ในการใช้งานดาวเทียม และมีความรู้เบื้องต้นในการออกแบบและผลิตดาวเทียม โดยจะทำการยิงดาวเทียมทั้งหมด 2 ดวงในต้นปีและปลายปีนี้

NAPA-1 เป็นดาวเทียมที่ผลิตโดยใช้ Platform ของดาวเทียม 6U CubeSat มีน้ำหนักน้อย คือหนักราว ๆ ข้าวสาร 1 ถุงครึ่ง โคจรที่วงโคจรระดับต่ำที่ความสูง 500 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก ซึ่งจะทำให้ดาวเทียมโคจรผ่านประเทศไทยทั้งหมด 4 รอบต่อวัน สามารถทำภารกิจในการถ่ายภาพพื้นที่บริเวณกว้างและพื้นที่เฉพาะจุดได้ที่ความละเอียด 5 เมตร และ 40 เมตร ซึ่งเป็นความละเอียดที่ค่อนข้างต่ำกว่าความละเอียดที่ควรจะเป็นของดาวเทียมทางทหาร แต่ด้วยงบประมาณและประสบการณ์ของกำลังพลที่ยังใหม่ต่อเทคโนโลยีดาวเทียม NAPA-1 น่าจะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นในการพัฒนาดาวเทียมที่มีศัยภาพสูงขึ้นในอนาคตต่อไป

ที่มา:เฟสบุ๊คThaiArmedForce.com