นายภาสกร ธรรมวิทยากร ดำรงตำแหน่งผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์พัดลมระบายอากาศ บริษัท เดลต้าอีเลคโทรนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าแม้เรายังคงต้องจับตามองสถานการณ์การระบาดอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะค้นพบวัคซีน แต่ในแง่ของการใช้ชีวิตภายใต้ความปกติใหม่ซึ่งที่พักอาศัยกลายเป็นพื้นที่สำคัญของทุกคนในครอบครัวนั้น ทำให้เดลต้า อีเลคโทรนิคส์มุ่งคิดค้นนวัตกรรมและโซลูชันส์บ้านอัจฉริยะ เพื่อยกระดับชีวิตในบ้านของคนไทยให้สะดวกสบาย ปลอดภัยต่อสุขภาพ และประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น ตามเทรนด์ที่อยู่อาศัยแห่งอนาคตเหล่านี้
การระบาดทั่วโลกของโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายอย่างโควิด-19 ทำให้หลายคนหันมาทบทวนและเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตเพื่อรักษาสุขภาพมากขึ้น และการร่วมมือกันกักตัวอยู่บ้านเพื่อหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสยิ่งทำให้เราเล็งเห็นความสำคัญว่าบ้านคือสถานที่ปลอดภัยที่สุด และเป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดีของทุกชีวิตในครอบครัว
มีการศึกษาถึงผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อโรคระบบทางเดินหายใจอย่างโควิด-19 มายมาย เช่น ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่พบว่าการสูดฝุ่นละออง PM2.5 ที่เพิ่มขึ้นเพียง 1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สามารถเพิ่มความเสี่ยงจากการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้สูงสุดถึง 15% ส่วนผลการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งก็พบว่าปัญหามลพิษในอากาศทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เป็นปัจจัยร่วมที่ส่งผลให้มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ที่สูงยิ่งขึ้นในภูมิภาคดังกล่าว
แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เครื่องฟอกอากาศในบ้านเป็นที่นิยมมากขึ้นในไทย แต่มันสามารถช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กสุดประมาณ 2.5 ไมครอนหรือ PM2.5 เท่านั้น โดยไม่สามารถช่วยลดมลภาวะทางอากาศในบ้านประเภทอื่นๆ ได้ โซลูชันส์คุณภาพในบ้านที่ดีจะต้องช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนอากาศภายในกับภายนอกตัวบ้าน เพื่อถ่ายเทอากาศเสียจากภายในและนำอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้ามาเติมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังต้องมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาด้วย ได้แก่การใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศและแหล่งกำเนิดความชื้นหรือก๊าซมลพิษต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อสามารถออกแบบระบบปรับสภาวะอากาศ (HVAC) ภายในตัวบ้านได้อย่างเหมาะสมและครบวงจร
โซลูชันส์แลกเปลี่ยนอากาศประหยัดพลังงาน (Energy Recovery Ventilation หรือ ERV) ของเดลต้า จะช่วยนำอากาศจากภายนอกที่กรองจนบริสุทธิ์ด้วยฟิลเตอร์ HEPA มาผ่านแกนกักเก็บความเย็นที่สร้างสมดุลระหว่างลมร้อนจากภายนอกกับลมเย็นจากภายใน เพื่อทำให้อากาศบริสุทธิ์จากภายนอกมีอุณหภูมิลดลงก่อนนำมาเติมภายในบ้าน ทำให้เกิดการถ่ายเทอากาศและประหยัดพลังงานของเครื่องปรับอากาศไปพร้อมกัน โดยสามารถกรองฝุ่นละออง PM2.5 ได้สูงสุดถึง 97% และช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 30% นอกจากนี้ เดลต้ายังมีพัดลมระบายอากาศ DC Motor เพื่อช่วยเร่งระบายอากาศในห้องที่มความชื้นสูงหรือเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษในตัวบ้าน เช่น ห้องนํ้า ห้องครัว หรือโรงรถ เป็นต้น
นอกจากเรื่องสุขภาพที่เราจะต้องใส่ใจแล้ว เทรนด์ของอุปกรณ์และโซลูชันส์บ้านอัจฉริยะที่จะเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตนับเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามอง โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ได้คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดของอุปกรณ์ไอโอที (Internet of Things หรือ อุปกรณ์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต) ในประเทศไทยจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยแบบทบต้นปีละ 27% และจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 68,000 ล้านบาทในปี 2573 โดยการเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากความนิยมใช้อุปกรณ์อัจฉริยะสำหรับผู้บริโภคภายในบ้านที่พุ่งสูงขึ้น
ตัวอย่างหนึ่งของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะภายในบ้านที่เหมาะสมกับภูมิอากาศร้อนชื้นในไทย เพื่อแก้ปัญหาที่ตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อรา แบคทีเรีย และความสกปรกภายในบ้าน รวมถึงฝังอยู่ในเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ หรือตู้เสื้อผ้า โดยเดลต้าเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพัดลมระบายอากาศอัจฉริยะ (Smart Fan) ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้นและสามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ เพื่อควบคุมค่าความชื้นในอากาศให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวเพื่อเริ่มและหยุดทำงานเองโดยอัตโนมัติ และช่วยประหยัดพลังงานสำหรับพื้นที่ภายในอาคารที่มีบริเวณกว้างอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อัจฉริยะ O3 Sensor Hub 2.0 ของเดลต้า ที่ได้รับการพัฒนาและวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐ อเมริกา ประกอบด้วยเซ็นเซอร์หลาย ตัวที่คอยรวบรวมข้อมูลปัจจัยสภาพแวดล้อม เช่น การใช้งานภายในห้องและอุณหภูมิ และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างสะดวกจากทุกที่
หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,594 วันที่ 23 - 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2563