"วันนี้ เรายินดีที่จะได้แนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ iPad Air ที่ออกแบบใหม่หมดและทรงพลังยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งมาพร้อมกับการเริ่มใช้ชิพ A14 Bionic ซึ่งเป็นชิพที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ Apple เคยผลิตมา" Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดทั่วโลกของ Apple กล่าว "ด้วยดีไซน์แบบหน้าจอทั้งหมด จอภาพ Liquid Retina ขนาด10.9 นิ้วที่ใหญ่กว่าเดิม Touch ID รุ่นใหม่ และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นมหาศาลด้วยชิพ A14 Bionic ทำให้ iPad Air สามารถส่งมอบประสิทธิภาพอันทรงพลังระดับมืออาชีพให้กับลูกค้าในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดครั้งใหญ่สำหรับ iPad Pro และ iPad รุ่นที่ 8 ในปีนี้ รวมทั้งคุณสมบัติใหม่ๆ อันทรงพลังของ iPadOS 14 นี่จึงเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPad ที่แกร่งที่สุด ซึ่งพร้อมให้ลูกค้านำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้หลากหลายยิ่งกว่าเดิม"
iPad Air ดีไซน์ใหม่มีสีที่สวยงามให้เลือกถึง 5 สี
iPad Air รุ่นล่าสุดมาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่บางเบาและมีสีที่สวยงามให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ สีโรสโกลด์ สีเขียว และสีสกายบลู ดีไซน์โฉมใหม่แบบหน้าจอทั้งหมดมาพร้อมกับจอภาพ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้วที่ให้ภาพดูสวยงามน่าทึ่งความละเอียด 3.8 ล้านพิกเซล และเทคโนโลยีขั้นสูงมากมาย เช่น กระบวนการ Full Lamination, การรองรับขอบเขตสีกว้างแบบ P3, การแสดงผลแบบ True Tone และการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนเพื่อมอบสุดยอดประสบการณ์การรับชม เพื่อให้จอภาพแสดงผลได้อย่างเต็มที่ทุกด้าน เซ็นเซอร์ Touch ID รุ่นใหม่รวมไว้ในปุ่มด้านบน โดยยังคงให้ลูกกค้าสามารถปลดล็อค iPad Air, ลงชื่อเข้าใช้แอพ หรือใช้ Apple Pay ได้สะดวกรวดเร็วและปลอดภัยเหมือนเช่นเคย iPad Air สามารถใช้งานร่วมกับ Magic Keyboard ที่มีดีไซน์แบบยกลอยและมีแทร็คแพดในตัว, Smart Keyboard Folio และปก Smart Folio ใหม่ รวมทั้ง Apple Pencil® ซึ่งจะติดอยู่ที่ด้านข้างโดยใช้แม่เหล็กเพื่อให้ง่ายต่อการจับคู่ ชาร์จ และจัดเก็บ
iPad Air เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นหลายเท่าตัวด้วยชิพ A14 Bionic สุดล้ำของ Apple ชิพ A14 Bionic ประมวลผลได้แม้กระทั่งแอพที่ใช้ทรัพยากรเครื่องอย่างหนัก ทำให้ผู้ใช้ตัดต่อวิดีโอ 4K, สร้างสรรค์งานศิลปะอันสวยงาม, เล่นเกมสุดสมจริง และอื่นๆ ได้อย่างสบายๆ ชิพ A14 Bionic เป็นหน่วยประมวลผลตัวแรกในโลกที่ใช้กระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร อัดแน่นด้วยทรานซิสเตอร์ 11,800 ล้านตัวเพื่อประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานที่มากขึ้นเกือบทุกส่วนของชิพ ชิพตระกูล A รุ่นล่าสุดนี้ใช้แกนประมวลผลแบบ 6-core ที่เพิ่มประสิทธิภาพ CPU ได้ 40 เปอร์เซ็นต์ และสถาปัตยกรรมกราฟิกแบบ 4-core ที่เพิ่มความสามารถด้านกราฟิกได้ 30 เปอร์เซ็นต์2 เพื่อมอบศักยภาพในการเรียนรู้ของระบบที่มากขึ้น A14 Bionic ใช้ Neural Engine แบบ 16-core ที่เร็วขึ้นเป็นสองเท่า และสามารถประมวลผลข้อมูลต่างๆ ได้ถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที ช่วยยกระดับแอพที่อาศัยการเรียนรู้ของระบบให้ทำงานได้ดีขึ้นไปอีกขั้น นอกจากนี้ ชิพ A14 Bionic ยังมีตัวเร่งความเร็วด้านการเรียนรู้ของระบบรุ่นที่ 2 ในCPU เพื่อการคำนวณที่รวดเร็วขึ้นถึง 10 เท่า ด้วยการรวมตัวกันของ Neural Engine ใหม่ ตัวเร่งความเร็วด้านการเรียนรู้ของระบบใน CPU และ GPU ประสิทธิภาพสูงนี้ทำให้ระบบต่างๆ ในอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการรู้จำภาพ การเรียนรู้ภาษาที่เป็นธรรมชาติการวิเคราะห์การเคลื่อนไหว และอื่นๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบกล้องและเสียงอัพเกรดดีขึ้น
iPad Air ซึ่งมีกล้องหน้าความละเอียด 7MP สำหรับการโทร FaceTime HD ตอนนี้มาพร้อมกับกล้องหลัง 12MP แบบเดียวกับที่ใช้ใน iPad Pro® เพื่อการถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงขึ้นและการถ่ายวิดีโอระดับ 4K iPad Air โฉมใหม่มีลำโพงสเตอริโอในโหมดแนวนอนซึ่งยกระดับประสบการณ์เสียง ผู้ใช้จะได้รับฟังเสียงสเตอริโอที่มีมิติเสียงกว้างขึ้นขณะชมวิดีโอ
ตอนนี้ iPad Air ใช้พอร์ต USB-C ที่รองรับการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 5Gbps ซึ่งเร็วกว่าเดิม 10 เท่า2สำหรับการเชื่อมต่อกล้อง ฮาร์ดไดรฟ์ และจอภาพภายนอกความละเอียดสูงสุดระดับ 4K ด้วยประสิทธิภาพของ Wi-Fi 6 และการเชื่อมต่อ LTE ที่เร็วขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์3 รวมทั้งชิพ A14 Bionic นี่จึงเป็น iPad Air ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ประสบการณ์การใช้งาน iPad ที่ไม่เหมือนใครด้วย iPadOS 14
iPadOS 14 จะพร้อมให้ใช้งานตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน โดยมีการเพิ่มคุณสมบัติและดีไซน์ใหม่ๆ ที่ใช้ประโยชน์จากความสามารถเฉพาะตัวของ iPad เช่นจอภาพแบบ Multi-Touch และอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานได้หลากหลาย iPadOS 14 จะผสานรวม Apple Pencil เข้ากับประสบการณ์การใช้งาน iPad เพื่อมอบความสามารถในการจดโน้ตที่ดีขึ้นและเพิ่มวิธีใหม่ๆ ในการทำงานกับโน้ตที่เขียนด้วยลายมือนอกจากนี้เมื่อจดโน้ตบน iPad คุณสมบัติ Smart Selection จะใช้การเรียนรู้ของระบบในตัวอุปกรณ์เพื่อแยกแยะระหว่างลายมือและรูปวาด จึงสามารถเลือก ตัด และวางข้อความที่เขียนด้วยลายมือลงในเอกสารอีกฉบับในรูปแบบของตัวพิมพ์ได้อย่างง่ายดายโดยใช้คำสั่งนิ้วที่คุ้นเคย อีกทั้งยังรู้จักรูปทรงต่างๆ ผู้ใช้จึงสามารถวาดรูปทรงเรขาคณิตได้อย่างถูกต้องแม่นยำ โดยที่รูปทรงนั้นจะยึดเข้ากับตำแหน่งที่ต้องการพอดีเมื่อผู้ใช้เพิ่มแผนภาพและภาพประกอบลงในโน้ต ตัวตรวจหาข้อมูลจะทำงานร่วมกับข้อความที่เขียนด้วยลายมือได้อย่างราบรื่น จึงรู้ว่าข้อความใดคือหมายเลขโทรศัพท์วันที่ ที่อยู่ และลิงก์ ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เช่น การแตะหมายเลขโทรศัพท์ที่เขียนด้วยลายมือเพื่อโทรออก
และ iPadOS 14 ยังนำคุณสมบัติเขียนด้วยนิ้วมาไว้บน iPad ทำให้ผู้ใช้ Apple Pencil เขียนด้วยลายมือลงในช่องข้อความใดๆ ได้โดยตรง ช่วยให้การทำสิ่งต่างๆ อย่างการตอบกลับ iMessage® หรือการค้นหาใน Safari® ทั้งง่ายและรวดเร็วโดยไม่ต้องเก็บApple Pencil คุณสมบัติ "เขียนด้วยนิ้ว" ใช้การเรียนรู้ของระบบในตัวอุปกรณ์เพื่อแปลงลายมือเป็นข้อความในรูปแบบตัวพิมพ์ได้แบบเรียลไทม์ ข้อความที่คุณเขียนจึงปลอดภัยและเป็นส่วนตัวเสมอ
iPadOS 14 ทำให้ประสบการณ์การใช้งาน iPad มีความโดดเด่นเฉพาะตัวและทรงประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยวิธีการใหม่ๆ รวมถึง
ราคาและการวางจำหน่าย