มร. ชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “เหตุการณ์โรคระบาดที่ทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวรับ New Normal และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลที่ต้องหันมาใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจให้รุดหน้า และแข่งขันในตลาดได้ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ในฐานะผู้ให้บริการ ระบบปฏิบัติการคลาวด์ระดับเวิล์ดคลาส จึงต้องการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจในไทยโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอีซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสามารถก้าวสู่ยุค New Normal ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเราหวังว่าแพคเกจ ‘Free Credit’ นี้จะเป็นช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจในประเทศสามารถเริ่มกระบวนการเปลี่ยนผ่านได้”
ข้อมูลจาก Gartner Market Databook 2Q20 Update โดยการ์ทเนอร์ได้คาดการณ์ว่า ตลาดบริการระบบคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) ทั่วโลกปีนี้จะเติบโตขึ้นร้อยละ 6.3 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.579 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
เพิ่มขึ้นจาก 2.427 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เช่นเดียวกับในประเทศไทยที่การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายระบบคลาวด์สาธารณะในปี 2563 นี้จะเติบโตขึ้นร้อยละ 17.7 โดยมีมูลค่าทะลุ 1.83 หมื่นล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25.2 ซึ่งมีมูลค่าราว 2.29 หมื่นล้านบาทในปี 2564 จากการที่บริษัทต่างๆ หันมาใช้บริการคลาวด์กันมากขึ้นเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างสะดวก และราบรื่นในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด
เครดิตที่เปิดให้ทดลองใช้งานเทนเซ็นต์ คลาวด์ได้ฟรีนี้ สามารถทดลองใช้ได้กับทั้งผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ บนคลาวด์แพลตฟอร์มอัจฉริยะของเทนเซ็นต์ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ อาทิ Computing & Network, Storage & CDN, Big Data & AI, Mobile services & Messaging, Database, Video services, Cloud monitoring & Management, Security services และ Domain services รวมไปถึงบริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน (IaaS) บริการด้านแพลตฟอร์ม (PaaS) บริการด้านซอฟต์แวร์ (SaaS)
สำหรับบริการ Tencent Cloud ที่เหมาะกับโจทย์การทำธุรกิจของลูกค้ากลุ่มสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอี ได้แก่
· Tencent Kubernetes Engine (TKE) คือ แพลตฟอร์มฟรีเพื่อการบริหารจัดการคอนเทนเนอร์มีประสิทธิภาพสูง รองรับการทำงานร่วมกับคูเบอร์เนทีส และสามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ TKE ช่วยให้ลูกค้าของ เทนเซ็นต์ คลาวด์
สามารถลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพได้เมื่อต้องบริหารจัดการกลุ่มคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่
· Tencent Cloud Storage คือ บริการพื้นที่บนคลาวด์ที่ปลอดภัย มีขนาดใหญ่ สะดวกสบาย มีความหน่วงต่ำ และต้นทุนต่ำ ซึ่งสามารถผสานตัวเข้ากับธุรกิจของคุณได้อย่างราบรื่นไร้การสะดุด
· Tencent Database (TencentDB) เป็นบริการโฮสติ้งฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง ให้ความไว้วางใจได้สูง และสามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยให้สร้าง และใช้ฐานข้อมูลบนคลาวด์ได้อย่างง่ายดาย
o Tencent Cloud Optical Character Recognition (OCR) ให้บริการแปลงภาพตัวอักษรทั้งตัวพิมพ์ และลายมือให้เป็นข้อความเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการ์ด ใบรับรอง และเอกสารต่างๆ และรองรับ
เทมเพลทที่สร้างขึ้นเอง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้อนข้อมูล และลดต้นทุนการใช้งานลงด้วย
o Tencent Cloud FaceID เป็นชุดบริการจดจำใบหน้าที่ให้คุณสมบัติต่างๆ มากมายในการพิสูจน์ตัวตน อาทิ การตรวจสอบว่าเป็นบุคคลจริง (Liveness Detection) และการเปรียบเทียบใบหน้า
แบบ 1 ต่อ 1 (1:1 Face Comparison) เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่จำเป็นในธุรกิจต่างๆ เช่น การเงินและการประกันภัย เป็นต้น
“ด้วยจุดแข็งของเทนเซ็นต์ที่สามารถนำเสนอโซลูชันระบบคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุมความต้องการอันหลากหลายของแต่ละธุรกิจใน 25 พื้นที่ทั่วโลกด้วยเครือข่ายที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง ทั้งยังมีระบบการชำระค่าบริการ
ตามการใช้งานจริงที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก รวมถึงการมีทีมสนับสนุนในประเทศไทยที่สามารถให้บริการ และคำปรึกษากับลูกค้าคนไทยเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในประเทศ อีกทั้งการมีศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Data Center) ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และปลอดภัย บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอีไทย ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานคลาวด์แพลตฟอร์มอัจฉริยะให้กับภาคธุรกิจของไทย ได้อย่างสมบูรณ์แบบ” มร. ชาง กล่าวสรุป
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนสมัครขอรับสิทธิ์ใช้งานได้ที่ Tencent.co.th โดยเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 นี้ หลังจากลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์จะได้รับ Tencent Cloud Credit มูลค่า 1,000 เหรียญสหรัฐฯ โอนเข้าในบัญชีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้ทันที