นายเทพพันธ์ อัศวะธนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVI กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์ว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์ จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงฉุดรั้งกำลังซื้อ รวมไปถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนสู่วิถีชีวิตใหม่ หรือ “New Normal” อย่างฉับพลัน มีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย มองหาผลิตภัณฑ์รวมถึงประกันภัยรถยนต์ที่ตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งนับเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ประกันรถเปิดปิด ไทยวิวัฒน์ มีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
โดยล่าสุดมียอดขายกรมธรรม์ 150,000 กรมธรรม์ สูงกว่าเป้าหมายกว่า 15 เท่า โดยมีอัตราการต่ออายุสูงถึง 85% เนื่องจากจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ได้ถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่น สอดรับพฤติกรรมการใช้รถยนต์ที่แท้จริงของลูกค้าแต่ละราย จ่ายเบี้ยประกันตามเวลาที่ขับรถจริง ซึ่งช่วยให้ประหยัดเบี้ยประกันได้ถึง 70% เมื่อเทียบกับประกันแบบรายปี แต่ได้รับความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงเทียบเท่าประกันแบบทั่วไป และล่าสุดบริษัทฯได้พัฒนาต่อยอดบริการให้ลูกค้าสามารถท็อปอัพชั่วโมงการใช้งานจริงเพิ่มความยืดหยุ่น ทั้งในเรื่องของเวลาและค่าใช้จ่ายเบี้ยประกัน สอดรับการใช้ชีวิตในยุค New Normal อย่างแท้จริง
นายเทพพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าคิดค้นพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Insurtech โดยล่าสุดได้ผนึกความร่วมมือกับ 3 พันธมิตรแถวหน้าเมืองไทย ประกอบด้วย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS และบริษัท บลู พาร์คกิ้ง จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมระบบบริหารที่จอดรถอัจฉริยะ เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ “Thaivivat Parking” ระบบจองที่จอดรถล่วงหน้าแบบอัตโนมัติ ผ่านแอพพลิเคชั่น Thaivivat Motor บนมือถือรายแรกของเมืองไทย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมกับการยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยบริการที่เหนือกว่า นำร่องเฟสแรกด้วยการมอบเป็นสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าประกันรถเปิดปิด เริ่ม 15 ตุลาคม 63 ก่อนขยายบริการครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มภายใน ปี 2563 เบื้องต้นคาดผลักดันเบี้ยประกันรถเปิดปิดให้เติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมเบี้ยประกันรับรวมทั้งปี 2563 เติบโตตามเป้าแตะ 5,000 ล้านบาท
ด้าน นางสาวขวัญแก้ว สิริจินดา ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นอีกขั้นของการยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการนำเทคโนโลยีที่จอดรถอัจฉริยะเข้ามาให้บริการ โดยในเฟสแรกลูกค้าสามารถใช้บริการ “Thaivivat Parking” บริเวณลานจอดรถในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทั้งหมด 6 แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย เซ็นทรัลเวิล์ด, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลบางนา, เซ็นทรัลพระรามสอง, เซ็นทรัลอีสท์วิลล์ และเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ โดยเบื้องต้นได้จัดเตรียมพื้นที่จอดพิเศษไว้รองรับทั้งหมดราว 24 ช่องจอดต่อแห่ง
นายณัฐภัทร เตชะอธิก กรรรมการผู้จัดการ บริษัท บลู พาร์คกิ้ง จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมระบบบริหารที่จอดรถอัจฉริยะ กล่าวว่า Thaivivat Parking นับเป็นสุดยอดนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) เข้ามาเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ลานจอดรถ เข้ากับระบบประมวลผล และแอพพลิเคชั่นบนมือถือที่ชื่อว่า “Thaivivat Motor” เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกสถานที่และเวลาที่จะเข้าไปใช้บริการลานจอดรถแบบอัตโนมัติได้ด้วยตัวเองครั้งแรกของไทย ซึ่งนับเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่เรื่องการจอดรถ ให้มีความง่าย สะดวก ลดการสัมผัส ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ New Normal อย่างแท้จริง
ขณะที่นายอัศนีย์ วิภาตเวทย์ หัวหน้าส่วนงานผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กรและบริการระหว่างประเทศบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS บอกว่า บริษัทฯ ได้เดินหน้าพัฒนาเรื่องระบบสัญญาณการสื่อสารบนเครือข่าย NB-IoT ซึ่งเป็นระบบสัญญาณที่รองรับการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี IoT ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์การให้บริการประกันรถเปิดปิด ที่ให้ข้อมูลถูกต้องแม่นยำแบบเรียลไทม์ และล่าสุดได้ต่อยอดในด้านการให้บริการสัญญาณอินเตอร์เน็ตสำหรับระบบจอดรถอัตโนมัติ Thaivivat Parking สุดยอดนวัตกรรมใหม่ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้มีความสะดวก สบายมากยิ่งขึ้น