เสียวหมี่ คอร์ปอเรชัน (Xiaomi; Stock Code: 1810) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านอินเตอร์เน็ตด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เผยผลการดำเนินงานสำหรับ 3 เดือนและ 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2563
รายงานข่าวจากเสียวหมี่ คอร์ปอเรชัน ระบุว่า“กลุ่มบริษัทเสียวหมี่สามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 เอาไว้ได้ อีกทั้งยังมีรายรับและกำไรสุทธิประจำไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เรามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในไตรมาสนี้ โดยกลุ่มบริษัทเสียวหมี่ยังคงดำเนินงานตามกลยุทธ์หลัก “สมาร์ทโฟน X AIoT”
“เรามีธุรกิจสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลกและแพลตฟอร์ม IoT สำหรับผู้บริโภค ธุรกิจสมาร์ทโฟนของเราเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ต้องเผชิญกับอุปสรรค เรามีข้อได้เปรียบจากกลยุทธ์ Dual Brand และการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึง 'หลักสามประการ' ซึ่งประกอบไปด้วย การไม่หยุดยั้งที่จะสำรวจและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราส่วนราคาต่อประสิทธิภาพที่เหมาะสม และความพยายามสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด โดยหลักสามประการนี้ทำให้เราประสบความสำเร็จ และสามารถรักษาตำแหน่งในตลาดพรีเมียม และมียอดจัดส่งสมาร์ทโฟนติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกอีกครั้ง ด้วยระบบนิเวศทางธุรกิจและบริการอินเตอร์เน็ตอันหลากหลาย เทอร์มินัล AIoT ของเรายังคงดึงดูดผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่องและความสามารถในการสร้างรายได้ของมันก็ช่วยเสริมสร้างห่วงโซ่คุณค่าที่แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด”
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ เติบโตขึ้นอย่างมากทั้งในด้านรายรับและยอดการจัดส่งที่สูงเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และในตลาดต่างประเทศ โดยมีรายรับจากสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 47.6 พันล้านหยวนในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 47.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนรวม 46.6 ล้านเครื่องเพิ่มขึ้น 45.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ข้อมูลจาก Canalys ระบุว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 เสียวหมี่ครองอันดับ 3 ของโลกในด้านยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟน โดยมีส่วนแบ่งตลาด 13.5% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกได้กว่า 8 ล้านเครื่องโดยมีราคาขายปลีกอยู่ที่ประมาณ 3,000 หยวนขึ้นไปในจีนแผ่นดินใหญ่ และ 300 ยูโรหรือเทียบเท่าในตลาดต่างประเทศ
กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ ยังคงยืนหยัดใช้กลยุทธ์ “Dual Brand” ซึ่งให้ผลลัพธ์อย่างดีเยี่ยมในจีนแผ่นดินใหญ่โดยมีการเติบโตทั้งในด้านปริมาณและราคาขายเฉลี่ย เสียวหมี่ประสบความสำเร็จในการรักษาตำแหน่งในตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมโดยเป็นผู้นำความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมในฟีเจอร์หลักๆ ของสมาร์ทโฟน เช่น กล้องถ่ายรูป และการชาร์จไว ตามรายงานของ Canalys ส่วนแบ่งการตลาดยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 12.6% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 9.0% ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 และยังคงรักษาตำแหน่ง 1 ใน 4 อันดับแรกเอาไว้ได้
ในขณะเดียวกัน ราคาขายเฉลี่ยสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากเปอร์เซ็นต์ยอดขายที่สูงขึ้นจากสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม
ในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งวันคนโสดในปี 2563 เสียวหมี่ติดอันดับ 1 ของยอดขายสมาร์ทโฟน Android บน Tmall.com, JD.com และ Suning.com นอกจากนี้ จากรายงานของ Canalys แบรนด์ Redmi ยังครองอันดับ 3 ของสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุด 10 อันดับแรกของโลกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563
การเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องในกลุ่ม Smart Living ในขณะที่กลยุทธ์ “สมาร์ทโฟน X AIoT” เริ่มส่งผล ด้วยการใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้จำนวนมากและความสามารถของช่องทางการค้าปลีกใหม่ที่หนุนโดยกลยุทธ์ “สมาร์ทโฟน X AIoT” ทำให้กลุ่มบริษัทเสียวหมี่มีรายรับจาก IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์อยู่ที่ 18.1 พันล้านหยวนในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ซึ่งเพิ่มขึ้น 16.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายรับจาก IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 56.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งนับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เสียวหมี่ยังคงเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ททีวีของจีนแผ่นดินใหญ่ และได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แฟลกชิพใน Mi TV Master Series ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ซึ่งทำให้ตำแหน่งในตลาดพรีเมียมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ยอดการจัดส่งสมาร์ททีวีของเสียวหมี่ทั่วโลกสูงถึง 3.1 ล้านเครื่อง จากข้อมูลของ All View Cloud (“AVC”) เสียวหมี่ครองอันดับหนึ่งในจีนแผ่นดินใหญ่ในด้านยอดการจัดส่งโทรทัศน์เป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน อีกทั้งยังคงรักษาตำแหน่ง 1 ใน 5 ห้าอันดับแรกของโลกเอาไว้ได้
นอกจากนี้ ในไตรมาสนี้ เสียวหมี่ยังรักษาตำแหน่งผู้นำในผลิตภัณฑ์ IoT ที่หลากหลายและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนนำเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมมาสู่ผู้ใช้ จากข้อมูลของ IDC เมื่อไตรมาสที่แล้ว เสียวหมี่ติดอันดับ 1 ใน 3 ในด้านยอดการจัดส่งในจีนแผ่นดินใหญ่ในสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ กลอนประตูอัจฉริยะ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ หูฟังไร้สาย และอุปกรณ์สวมใส่ข้อมือ เป็นต้น
ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 จำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อ (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) บนแพลตฟอร์ม AIoT ของเสียวหมี่ มีจำนวนถึง 289.5 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 35.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ห้าเครื่องขึ้นไปเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม AIoT ของเสียวหมี่ (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) สูงถึง 5.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 59.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผู้ช่วยเสียวหมี่ AI “小愛同學” มีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน 78.4 ล้านคนในเดือนกันยายน 2563 เพิ่มขึ้น 35.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกัน Mi Home App มีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน 43.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
รายรับจากบริการอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 8.7% จากไตรมาส 3 ปี 2562 เป็น 5.8 พันล้านหยวนในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 รายรับจากบริการอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 75.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 0.7 พันล้านหยวน คิดเป็น 12.0% ของรายรับจากบริการอินเตอร์เน็ตทั้งหมด
จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟน จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของ MIUI เพิ่มขึ้น 26.3% เป็น 368.2 ล้านคน ในเดือนกันยายน 2563 ในขณะที่จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของ MIUI ในจีนแผ่นดินใหญ่สูงถึง 109.4 ล้านคน
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 รายรับจากโฆษณาสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 3.3 พันล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 13.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัทเสียวหมี่ และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายรับจากโฆษณาในต่างประเทศ ในขณะเดียวกันรายรับจากธุรกิจเกมในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 อยู่ที่ 800 ล้านหยวน
ในเดือนกันยายน 2563 จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของสมาร์ททีวีและ Mi Box มีจำนวนถึง 35.8 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 49.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 จำนวนผู้ใช้บริการแบบชำระเงินเพิ่มขึ้น 28.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 4.2 ล้านราย
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 รายรับของเสียวหมี่จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 52.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 39.8 พันล้านหยวนคิดเป็น 55.1% ของรายรับรวม ซึ่งเป็นรายรับจากตลาดต่างประเทศประจำไตรมาสที่สูงที่สุด และมีสัดส่วนต่อรายรับรวมมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
จากข้อมูลของ Canalys ในไตรมาสนี้ ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในยุโรปตะวันตกเพิ่มขึ้น 107.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 13.3% และติดอันดับ 1 ใน 3 ของภูมิภาคเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียวหมี่ยังคงครองตำแหน่งยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนสูงสุดเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันในสเปน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 33.9% นอกจากนี้ เสียวหมี่ ยังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดอื่นๆ เช่น ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
เสียวหมี่เสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายช่องสัญญาณที่มีอยู่ และมีการดำเนินการที่ก้าวหน้าไปอย่างมากในช่องทางผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 เสียวหมี่ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมกว่า 50 ราย ครอบคลุมเครือข่ายย่อยกว่า 100 เครือข่ายใน 50 ประเทศ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี เสียวหมี่ได้จัดส่งสมาร์ทโฟนกว่า 10 ล้านเครื่องไปยังตลาดต่างประเทศ ยกเว้นอินเดีย ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ
การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนายังคงเพิ่มขึ้น โดยเสียวหมี่ทุ่มเทให้กับเทคโนโลยีขั้นสูง โดยมีการดำเนินการวิจัยและพัฒนามากมายเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น
ในช่วงเวลานี้ เสียวหมี่ได้เปิดตัวเทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ (UWB) ที่ปฏิวัติวงการ ด้วยเทคโนโลยีนี้ สมาร์ทโฟนของผู้ใช้จะสามารถรับรู้สัญญาณจากอุปกรณ์อัจฉริยะที่อยู่รอบๆ ตัวและควบคุมสัญญาณเหล่านั้นได้เพียงแค่ชี้สมาร์ทโฟนไปทางอุปกณ์อัจฉริยะเหล่านั้น นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังเปิดตัวเทคโนโลยีกล้องใต้จอรุ่นที่ 3 รวมไปถึงเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สาย 80W Mi
ในงานประชุม Mi Developer Conference (MIDC 2020) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ได้ทำการเปิดตัว Xiaomi Vela ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ IoT ที่สร้างขึ้นบนระบบปฏิบัติการแบบฝังตัวแบบโอเพนซอร์ส Nuttx แพลตฟอร์มนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงการเชื่อมต่อระหว่างกันในทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวันเพื่อสนับสนุนระบบนิเวศ IoT ยิ่งไปกว่านั้น ในงานนี้ เสียวหมี่ ยังได้เปิดตัว ผู้ช่วย AI รุ่นใหม่ “XiaoAi AI Assistant 5.0” ที่นำเสนอฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น การทำงานร่วมกันในสถานการณ์ต่างๆ อย่างสมบูรณ์ ตลอดจนการสนทนาโต้ตอบแบบแอคทีฟ และเสียงที่กำหนดเองได้
จนถึงปัจจุบัน เสียวหมี่ ได้จัดตั้งทีมวิศวกรขนาดใหญ่ซึ่งประกอบไปด้วยวิศวกรที่มีความสามารถกว่า 10,000 คน ในปี 2564 กลุ่มบริษัทเสียวหมี่จะยังคงเดินหน้าลงทุนและจัดหาวิศวกรเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการวิจัยและพัฒนาต่อไป โดยกลุ่มบริษัทเสียวหมี่มุ่งหวังที่จะขยายขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของเสียวหมี่ในด้านหลักๆ ได้แก่ การถ่ายภาพ, การแสดงผลหน้าจอ, การชาร์จอย่างรวดเร็ว/การชาร์จแบบไร้สาย ระบบเสียง แพลตฟอร์มและการเชื่อมต่อ IoT, AI และการโต้ตอบด้วยเสียง 5G/6G Big Data และบริการบนคลาวด์, กระบวนการทำให้เป็นดิจิทัลและระบบการจัดการเวิร์กโฟลว์ รวมถึงระบบการผลิตอัจฉริยะ
ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของเสียวหมี่ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ซึ่งสร้างสถิติใหม่ถึง 15 รายการ ได้แก่
• รายรับรวมอยู่ที่ 72.2 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 34.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
• กำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 4.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 18.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
• รายรับจากสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 47.6 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 47.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
• ยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 46.6 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 45.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
• รายรับจากตลาดต่างประเทศ
• รายรับจาก IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ในต่างประเทศ
• รายรับจากบริการอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศ
• จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของ MIUI ในต่างประเทศ
• รายรับจากการโฆษณาทางอินเตอร์เน็ต
• จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของ MIUI ในระดับโลก
• จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของสมาร์ททีวีและ Mi Box
• จำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อ (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) บนแพลตฟอร์ม AIoT
• จำนวนผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ห้าเครื่องขึ้นไปเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม AIoT ของเสียวหมี่ (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป)
• จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของ Mi Home App
• จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของ AI ผู้ช่วย