บริการดิจิทัลดาวรุ่ง “ส่งของพัสดุ” งัดมาตรการสู้โควิดระลอกใหม่ เคอรี่ ตั้ง คกก.ติดตามสถานการณ์รายชั่วโมง ห้ามพนักงานเดินทางข้ามจังหวัด พร้อมจัดลำดับความสำคัญสินค้าพื้นฐานเสี่ยง ยันไม่มีสินค้าตกค้าง ปณท.ผุดบริการ pick-up service บริการรับฝากนอกที่ทำการ
นายวราวุธ นาถประดิษฐ์ กรรมการ-ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มาตรการรับมือกับโควิดระลอกใหม่นั้นเคอรี่มีการบริหารจัดการเพื่อรองรับการส่งสินค้าไว้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมตั้งแต่โควิดรอบแรก จนมาถึงระลอกใหม่ โดยมีการติดตามหรือมอนิเตอร์สถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ในฝั่งบริหารจะต้องใกล้ชิดกับข้อมูลรายวัน และรายชั่วโมง รวมไปถึงการดูแลความปลอดภัยของพนักงาน เราจัดตั้ง Covid committee ที่เป็นผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารของทุกส่วนงาน มีการประชุมและติดตามประกาศของทางการอย่างใกล้ชิด เพื่อมั่นใจว่าจะสามารถสั่งการได้อย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ได้กำหนดมาตรการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด มีนโยบาย work from home สำหรับพนักงานประจำสำนักงาน สำหรับส่วนงานปฏิบัติการเราได้มีมาตรการเข้มงวด เพื่อควบคุมและป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อและสื่อสารกับหน้าร้านทั้ง 2,000 แห่ง และพนักงานกว่า 20,000 คน พร้อมทั้งมีการระงับไม่อนุญาตให้พนักงานมีการเดินทางข้ามจังหวัด (Travel Ban) เพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ และเพื่อสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ขอความร่วมมือการเดินทางข้ามจังหวัดอีกด้วย
“การระงับไม่อนุญาตให้พนักงานมีการเดินทางข้ามจังหวัด เป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ทันทีแม้ว่าพนักงานอาจจะมีความต้องการเดินทางแต่บริษัทต้องการความปลอดภัยระดับสูงเพื่อไม่ให้พนักงานกลายเป็นผู้แพร่เชื้อเสียเอง โดยพนักงานเคอรี่ไม่สามารถเดินทางได้หากไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารระดับสูง นอกจากนี้ยังได้สร้างระบบภายในเพื่อให้พนักงานรายงานตัวในการเข้าทำงาน เพื่อความปลอดภัยและแสดงถึงความโปร่งใส ว่าพนักงานไม่ได้เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง ทั้งนี้ เราดำเนินงานโดยคำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานมาเป็นอันดับหนึ่ง ตลอดจนความรับผิดชอบต่อสังคม”
สำหรับการส่งสินค้ากลุ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราดนั้นเคอรี่มีการบริหารจัดการการส่งสินค้าอยู่ตลอด แม้จะมีปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้นแต่ไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งประชาชนทุกคนมีการเรียนรู้มาตั้งแต่ครั้งที่แล้ว เมื่อเกิดโควิดระลอก2 รอบนี้ ทุกคนเลยไม่ตื่นตระหนกและยังไม่มีการล็อกดาวน์ ที่ประชาชนเตรียมตัวไม่ทันเท่ากับครั้งแรก
“พฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ที่เราต้องส่งพัสดุให้จังหวัดดังกล่าวสูงขึ้น รวมถึงภาพรวมทั้งประเทศ แต่ยังไม่ถึงกับเป็นการกักตุนของอุปโภคโภคบริโภคในปริมาณการสั่งซื้อจำนวนมากเท่าระบาดรอบแรก ทุกคนสามารถรับมือได้ จึงมีการสั่งซื้อสินค้าตามแต่ที่จำเป็น ทางบริษัทเองก็ได้ประเมินล่วงหน้าถึงผลกระทบหากมีการล็อกดาวน์จะต้อง เตรียมตัวอย่างไร ซึ่งปัจจุบันได้เตรียมแผนรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคต โดยเฉพาะ 5 จังหวัดที่มีความเสี่ยงก็จะดูแลอย่างใกล้ชิดรายวันเช่นกัน”
ด้านนายกาหลง ทรัพย์สอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่งกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด ที่มีการประกาศให้มีการยกระดับมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 นั้น ไปรษณีย์ไทยได้สั่งการให้ที่ทำการไปรษณีย์และศูนย์บริการในพื้นที่ 5 จังหวัดเพิ่มมาตรการความปลอดภัยและอาชีวอนามัยให้เป็นไปอย่างรัดกุม เช่น ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งต้องคัดกรองผู้ใช้บริการก่อนเข้าที่ทำการอย่างเคร่งครัด หรือศูนย์ไปรษณีย์มีการพ่น นํ้ายาฆ่าเชื้อบนพัสดุที่มาจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเลือดหมูหรือแดงเข้ม) พื้นที่ควบคุมสูงสุด (พื้นที่สีแดง) พื้นที่ควบคุม (พื้นที่สีส้ม) รวมถึงพัสดุที่มาจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยยังมุ่งเน้นให้บริการ pick-up service หรือบริการรับฝากนอกที่ทำการ เพื่อลดการพบปะและการสัมผัสระหว่างบุคคล รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ประชาชน ลดการเดินทางออกจากบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงการสัมผัสโรค โดยผู้ใช้บริการทั่วไปสามารถเรียกใช้บริการ pick-up service ได้ทางไลน์ออฟฟิเชียล @Thailand Post
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,646 หน้า 16 วันที่ 21 - 23 มกราคม 2564