นายราวี คุณวา ผู้จัดการทั่วไปของภูมิภาคแพนเอเชีย เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวว่า “จากการออกแบบและการผลิตด้วยวัสดุคุณภาพดี สมาร์ทโฟนของ Nokia จึงมีอายุการใช้งานที่นาน เนื่องจากได้รับการอัปเดตเป็นประจำ ทั้งนี้ Nokia โดย HMD Global ได้รับการยอมรับว่าเป็นแบรนด์มือถือที่เชื่อถือได้จาก Counterpoint Research จากคำมั่นที่ว่ามือถือ Nokia สามารถอัปเดตความปลอดภัยได้ทุกเดือนนานถึง 3 ปี ทั้งยังสามารถอัพเกรดซอฟต์แวร์ได้อีก 2 ปี ความมุ่งมั่นดังกล่าวทำให้ Nokia แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ และผลักดันให้ Nokia เป็นหนึ่งในแบรนด์มือถือชั้นนำในบางตลาดในภูมิภาคนี้ เรามองว่าประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญสำหรับธุรกิจมือถือ Nokia เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น และตลาดลูกค้าฟีเจอร์โฟนที่จะอัพเกรดมาใช้สมาร์ทโฟน เนื่องจากการเรียนออนไลน์และการทำงานจากที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติใหม่ ซึ่งความปกติใหม่นี้ยังส่งผลเร่งอัตราการใช้สมาร์ทโฟน เนื่องจากผู้บริโภคต้องการสมาร์ทโฟนเพื่อใช้เช็คอิน QR code ผ่านทางแอปฯ ไทยชนะ ในการติดตามการติดต่อ นอกจากนี้ การเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้อัตราการใช้งานแอปฯ อื่น ๆ เช่น โมบายแบงค์กิ้ง บนสมาร์ทโฟนมีเพิ่มมากขึ้น Nokia จึงแนะนำสมาร์ทโฟนด้วยราคาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภคไทยทุกสาขาอาชีพ เพื่อช่วยให้ชีวิตประจำวันในทุก ๆ วันมีความสะดวกสบายขึ้น Nokia 1.4 ใหม่นี้ ไม่เพียงจำหน่ายในประเทศไทย แต่จะมีจำหน่ายทั้งในฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ศรีลังกา เนปาล และฮ่องกงอีกด้วย”
นอกจากการเพิ่มขนาดหน้าจอของสมาร์ทโฟน Nokia แบบเต็มศักยภาพและมีขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุดของซีรี่ย์ 1 ยกระดับประสบการณ์การถ่ายภาพ รวมทั้งการสแกนใบหน้าและการสแกนคิวอาร์โค้ดด้วยการเพิ่มกล้องมาโครเพื่อจับภาพระยะใกล้เพิ่มเติมจากการปรับปรุง AI ของ Google บนแอปพลิเคชั่น Camera Go ให้ภาพถ่ายออกมาคมชัด และให้การสแกนต่าง ๆ โดยเฉพาะคิวอาร์โค้ดเพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน ทั้งในแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” รวมทั้งใช้บริการทางการเงินผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคารต่าง ๆ ง่ายขึ้น โดยทั้งหมดนี้ได้รับการพัฒนาโดย ควอลคอมม์ (Qualcomm®) ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เชื่อถือได้ ออกแบบตัวเครื่องด้วยวัสดุฝาหลังทำจากโพลิคาโบเนตที่ทนทาน และสวยงาม พร้อมจุดเด่นแบตเตอรี่สามารถใช้ได้นานถึง 2 วัน
ด้านนายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวเสริมว่า Nokia 1.4 สมาร์ทโฟนดังกล่าวเป็นหน้าจอ HD+ ใหม่ ความละเอียด 720x1600 พิกเซล มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 6.51 นิ้ว แบบขอบจรดขอบ หรือ Edge-to-edge กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล กล้องคู่หลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์มาโครความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมแอปพลิเคชั่น Camera Go ดาวน์โหลดไว้ในตัวเครื่อง สามารถถ่ายภาพ Portrait แบบหน้าชัดหลังเบลอและถ่ายภาพในที่มีแสงน้อยออกมาได้อย่างสวยคม รวมทั้งถ่ายภาพแบบโฟกัสในระยะใกล้ ๆ ได้ชัดเจนด้วยเลนส์มาโครในตัวเครื่อง ตามมาตรฐานสมาร์ทโฟนของ Nokia
ทั้งนี้ Nokia 1.4 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 (Go edition) และพร้อมอัพเกรดได้ถึง Android 12 (Go Edition) ที่ให้ความเร็วและปลอดภัยในการใช้งาน และสิทธิพิเศษอัปเดตความปลอดภัยทุกเดือนได้นานถึง 3 ปี ทำให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ Nokia 1.4 ได้รับการออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm® ประมวลผลข้อมูลแบบไม่ติดขัด และการเข้าใช้งานผ่านการสแกนลายนิ้วมือ นอกจากนี้ ยังมี Built-in parental controls เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองสามารถจัดการเนื้อหาที่ดาวน์โหลดจาก Google Play Store และยังช่วยให้เด็กได้ฟัง เรียนรู้ หรือเล่น ผ่านโทรศัพท์มือถืออย่างจุใจ ด้วยความสบายใจคลายกังวลของผู้ปกครอง
“Nokia 1.4 ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันในยุคที่ต้องสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อการเช็คอินโลเคชั่นบนแอปฯ ไทยชนะ หมอชนะ ตามมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 แอปฯ เป๋าตัง ทั้งการสแกนหน้ายืนยันตัวตนเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือและเยียวยาต่าง ๆ รวมถึงการโอนเงิน เติมเงิน และจ่ายเงิน ผ่านแอปฯ ของธนาคาร ช่วยให้ใช้งานแอปฯ ที่กล่าวมาได้แบบไม่ติดขัด นอกจากนี้ Nokia 1.4 ยังผลิตจากวัสดุคุณภาพดี ทำให้โทรศัพท์ Nokia เป็นที่ยอมรับด้านความแข็งแรงทนทาน และยังมีจุดเด่นเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถใช้งานได้นานถึง 2 วัน ตอบโจทย์การเรียนออนไลน์ การทำงานผ่านวิดีโอคอล และการเล่นเกมส์หรือดูยูทูปได้ยาวนานแบบไม่สะดุด” ภราดร กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ Nokia 1.4 เริ่มจำหน่ายในประเทศไทยในวันที่ 10 มีนาคม 2564 มีให้เลือก 2 สี คือ สี Fjord (สีฟ้า) และ สี Charcoal (สีเทาดำ) พร้อม RAM 2GB และหน่วยความจำ ROM 32GB ราคา 2,690 บาท