นายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าตลาดไอทีปีนี้มีการเติบโตอย่างเนื่อง โดยองค์กรมีการลงทุนจัดซื้ออุปกรณ์ไอที และโซลูชัน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล ทั้งกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ อาทิ ธนาคารที่มีการลงทุนไอที เพื่อรองรับกับการทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ ลดการลงทุนขยายสาขา ลดการสัมผัส รวมถึงมีการลงทุนระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังกลุ่มโรงพยาบาลที่มีการลงทุนระบบไอที เพื่อรองรับการให้บริการผ่านออนไลน์
ส่วนภาคโทรคมนาคม มีการลงทุนระบบเครือข่าย เพื่อรองรับการให้บริการ 5G ขณะที่หน่วยงานภาครัฐ ที่การลงทุนไอทีเพื่อรองรับกับนโยบายของรัฐบาล อาทิ ม.33เรารักกัน ที่มีการลงทุนจัดซื้อซอฟต์แวร์ และเครื่องแม่ข่ายเพิ่มเติม รวมถึงโซลูชันประเภทไฟร์วอลล์ ซิเคียวริตี้
สมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช
ซึ่งจุดแข็งที่สำคัญของวีเอสที อีซีเอส คือการมีโซลูชันไอทีครอบ คลุมความต้องการองค์กรมากสุด ทั้ง ซิเคียวริตี้ ระบบเครือข่าย และเซิร์ฟเวอร์ ทำให้สามารถขยายส่วนแบ่งเข้าไปในตลาดคู่แข่งได้ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนขยายบุคลากร เพื่อดูแลลูกค้าในต่างจังหวัดมากขึ้น
นอกจากนี้ปีนี้บริษัทยังมุ่งขยายการทำตลาดสมาร์ทโฟนมากขึ้น ภายหลังได้ทีมบริหารเข้ามาขยายตลาด และเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดการเติบโต 5 เท่าจากปีที่ผ่านมามียอดขาย 2% จากยอดขายทั้งหมด ซึ่งแบรนด์ที่ทำตลาดอยู่ในขณะนี้มีแบรนด์ ลาวา และอินฟินิท โดยได้รับการตอบรับจากตลาดต่างจังหวัดเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีราคาประหยัด นอกจากนี้แบรนด์ซัมซุงยังขยายพื้นที่ทำตลาดในต่างจังหวัดมากขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งการขยายตลาดใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยปีนี้เริ่มขยายธุรกิจไปเป็นตัวแทนจำหน่ายจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไต้หวัน “Thomas” ที่มีฐานผลิตในไทย โดยเล็งเห็นถึงทิศทางเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ที่ต้องการเร่งผลักดันให้มีการเปลี่ยนรถจักรยานยนต์พลังงานเชื้อเพลิงในปัจจุบันให้หันมาใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อกระตุ้นความต้องการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษทางอากาศและยังเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนด้านการประหยัดพลังงานอีกด้วย โดยแผนที่วางไว้ในอนาคตอันใกล้ คือ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT และพัฒนาแอพพลิเคชัน ให้บริการเช่าใช้รถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า ในย่านมหาวิทยาลัย หรือชุมชน
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่าสำหรับปัจจัยลบปีนี้นั้นยังมีความกังวลปัญหาในเมียนมา ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้ปิดดำเนินการสำนักงานในเมียนมาชั่วคราว และหยุดการทำธุรกรรมซื้อขายสินค้า ทั้งที่มียอดคำสั่งซื้อหรือความต้องการอยู่ แต่ลูกค้าไม่สามารถโอนเงินได้ โดยปัจจุบันบริษัทสัดส่วนรายได้จากเมียนมา มีสัดส่วน 20% ของกลุ่มธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์ อย่างไรก็ตามตลาดกัมพูชา และลาวยังมีความแข็งแรง และเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ 31,500 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมากว่า 10% จากเดิมปีที่ผ่านมามียอดขาย 27,000 ล้านบาท เติบโต 8%
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,663 หน้า 16 วันที่ 21 - 24 มีนาคม 2564