ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการแข่งขันตลาดสมาร์ทโฟนปลายไตรมาสแรกนั้นเริ่มส่งสัญญาณรุนแรงขึ้น โดยค่ายสมาร์ทโฟน ต่างขนเครื่องระดับกลาง เข้ามาทำตลาด นำโดยซัมซุง ที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนกาแลคซี่ เอ ซีรี่ส์ ไลน์อัพใหม่ล่าสุดทั้ง 3 รุ่นอย่าง Galaxy A32, A52 | A52 5G และ A72 จัดเต็มกับฟีเจอร์หลักอย่าง จอ-กล้อง-แบต พร้อมดีไซน์โฉมใหม่มินิมอลโดนใจ สีสวยสดใสเทสต์วัยรุ่น
โดยทั้งไลน์อัพใหม่นี้มาพร้อมตัวเลือกทั้งหมด 4 สีสุดโมเดิร์น ได้แก่ Awesome Violet, Awesome Blue, Awesome White และ Awesome Black ซึ่งสำหรับ Galaxy A52 | A52 5G และ A72 มาในผิวสัมผัสแบบแมตท์ Haze Finish ในขณะที่ Galaxy A32 จะมาในผิวมันวาวแบบ Gloss Finish
โดย Galaxy A72 วางจำหน่ายในราคา 13,999 บาท,Galaxy A52 วางจำหน่ายในราคา 11,999 บาท และ Galaxy A52 5G ราคา 13,499 บาท และ Galaxy A32 วางจำหน่ายในราคา 8,499 บาท
ขณะที่ค่ายเสียวหมี่ (Xiaomi) ประกาศเปิดตัว Redmi Note 10 Pro และ Redmi Note 10 สมาร์ทโฟนระดับกลาง 2 รุ่นใหม่ล่าสุด โดย Redmi Note 10 Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางด้วยเทคโนโลยีกล้องหลัง 4 ตัว กล้องหลักความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล รองรับทั้งเทคโนโลยีการผสานพิกเซลแบบ 9 ต่อ 1 (9-in-1 binning technology) และเทคโนโลยี Dual native ISO และยังมีฟีเจอร์ด้านการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโออีกมากมาย อาทิ Timelapse Pro, Dual Video, Long Exposure, Photo Clones, Video Clones, Dual Video และ ShootSteady ให้ผู้ใช้สร้างคอนเทนต์รูปภาพหรือวิดีโอสนุกๆ บนโลกโซเชียลได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
Redmi Note 10 Pro มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้วแบบ DotDisplay ด้วยสัดส่วน 20:9 รองรับอัตราการแสดงผล 120Hz Redmi Note 10 Pro ใช้ Qualcomm Snapdragon 732G ซึ่งเป็นชิปเซ็ตประมวลผล 4G ที่ทรงพลังที่สุดในท้องตลาด จึงมีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ใช้งานทุกรูปแบบรวมถึงเหล่าเซียนเกมและคนชอบดูซีรีส์ อีกทั้งยังประหยัดพลังงาน และยังใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,020mAh (typ) ซึ่งรองรับการชาร์จแบบเร็ว 33W
Redmi Note 10 Pro มีดีไซน์สวยงามและทนทานเนื่องจากใช้กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 5 ที่ทนต่อแรงขีดข่วนและการกระแทกเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับ ดีไซน์พรีเมียมเสริมด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ อาทิ ปุ่มสแกนลายนิ้วมือด้านข้างแบบโค้ง
ส่วน Redmi Note 10 มาพร้อมหน้าจอFHD+ AMOLED แบบ DotDisplay ขนาด 6.43 นิ้ว แสดงผลด้วยสัดส่วน 20:9 Redmi Note 10 ใช้กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass ทนต่อแรงขีดข่วนและการกระแทกเพื่อประสบการณ์การใช้งานอย่างสบายใจในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์และฟีเจอร์เช่นเดียวกันกับ Redmi Note 10 Pro ไม่ว่าจะเป็น ปุ่มสแกนลายนิ้วมือด้านข้างแบบโค้ง การรองรับการชาร์จแบบเร็ว 33W เซนเซอร์วัดแสงแบบ 360 องศา และลำโพงคู่ที่ด้านบนและล่างของตัวเครื่องส่งมอบประสบการณ์ความบันเทิงเหนือระดับ Redmi Note 10มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ Onyx Gray, Pebble White และ Lake Green
Redmi Note 10 มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบไปด้วย กล้องหลักความละเอียด 48MP, กล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 8MP ลำหรับการถ่ายภาพหมู่หรือทิวทัศน์, กล้องมาโครความละเอียด 2MP, กล้องวัดระยะชัดลึกความละเอียด 2MP สำหรับช่วยการถ่ายภาพพอร์ตเทรต นอกจากนั้น ยังมาพร้อมโหมดบันทึกวิดีโอ Slow Motion, Night Mode, Timelapse และ Timelapse Pro ที่สามารถถ่ายได้ในทุกสภาพแสง
Redmi Note 10 ใช้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุด Qualcomm Snapdragon 678 ที่ให้การทำงานที่เรียบลื่นตลอดการใช้งานทั้งวัน ชิปเซ็ตแบบ 11nm ทำให้ใช้งานได้อย่างไม่เปลืองแบตเตอรี่ นอกจากนั้นยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000mAh (typ) ซึ่งรองรับการชาร์จแบบเร็ว 33W ซึ่งมากกว่ารุ่นที่แล้วถึง 2 เท่า
Redmi Note 10 Pro วางจำหน่ายวันที่ 5 เมษายน มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Onyx Gray, Glacier Blue และ Gradient Bronze ในความจุ 2 ขนาด ได้แก่ ความจุ RAM 8GB + ROM 128 GB ราคา 8,999 บาท วางจำหน่าย ที่ Mi Stores, ร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ และ ความจุ RAM 6GB + ROM 128 GB ราคา 8,499 บาท วางจำหน่ายเฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ
Redmi Note 10 วางจำหน่ายวันที่ 19 มีนาคม มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Onyx Gray, Pebble White และ Lake Green ในความจุ 2 ขนาด ได้แก่ ความจุ RAM 6GB + ROM 128 GB ราคา 5,999 บาท วางจำหน่าย ที่ Mi Stores, ร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ และความจุ RAM 4GB + ROM 64 GB ราคา 4,999 บาท โดยวางจำหน่ายเฉพาะบน Lazada ระหว่างวันที่ 19 - 29 มีนาคม และทุกช่องทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคมเป็นต้นไป
ด้าน โมโตโรล่า เปิดตัว moto g30 ระบบกล้องความละเอียดสูงพิเศษ 64 MP ที่มีมากถึง 4 ตัว ขณะที่เทคโนโลยี Quad Pixel ช่วยให้มั่นใจได้ว่าภาพจะคมชัดและสว่างขึ้นด้วยความไวแสงที่มากขึ้นถึง 4 เท่า สามารถเปลี่ยนไปใช้โหมด Night Vision เพื่อให้ได้ภาพที่สวยสดใสพร้อมบวกกับความคมชัดที่น่าทึ่งและสีที่สมจริงยิ่งขึ้น เลนส์มุมกว้างพิเศษ 118º พร้อมบันทึกรายละเอียดลงในเฟรมได้มากกว่าเดิมถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับเลนส์มาตรฐาน 78° เพื่อให้สามารถจับภาพทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างสมจริงอย่างที่ตาเห็น ส่วนกล้อง Macro Vision ที่พัฒนามาโดยเฉพาะจะช่วยให้คุณซูมวัตถุได้ในระยะที่ใกล้ขึ้นถึง 4 เท่า ช่วยให้เห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจพลาดเมื่อใช้เลนส์มาตรฐานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพธรรมชาติหรือภาพ close up ของอาหารจานโปรด การเบลอพื้นหลังของภาพก็สามารถทำได้ด้วยความเข้มที่ปรับได้เพื่อการถ่ายภาพบุคคลที่ดูเป็นมืออาชีพด้วยเซ็นเซอร์วัดความลึก และถ่ายภาพเซลฟี่ที่คู่ควรกับการโพสต์ลง Instagram ก็ทำได้ดีทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยกล้องหน้าความละเอียด 13 MP ที่พัฒนามาสำหรับการเซลฟี่โดยเฉพาะ
จุดเด่นอีกด้าน คือ สามารถทำให้เกม ภาพยนตร์ และวิดีโอแชทของคุณมีชีวิตชีวาขึ้นได้บนจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้ว HD+ แบบ Max Vision ที่แสดงผลได้อย่างน่าทึ่งด้วยอัตราการรีเฟรช 90Hz ซึ่งโดยปกติคุณจะทำได้เฉพาะในโทรศัพท์รุ่นเรือธงเท่านั้น นอกจากนี้จะสังเกตเห็น lag ที่น้อยลงและการรับชมที่ลื่นไหลไร้รอยต่อยิ่งขึ้น พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวมากถึง 128GB สามารถเพิ่มได้ถึง 512GB โดยใช้การ์ด microSD2
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh ใน moto g30 จะช่วยให้คุณใช้งานได้ต่อเนื่องนานกว่า 2 วัน จากการชาร์จเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ TurboPower™ 20 ยังให้พลังงานสำหรับการใช้งานสูงสุดถึง 12 ชั่วโมงจากการชาร์จเพียง 20 นาที
moto g30 มาพร้อม Qualcomm Snapdragon 662 Mobile Platform ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ จึงสามารถแก้ไขเกมและวิดีโอได้อย่างง่ายดาย และแชร์ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเพลิดเพลินไปกับกราฟิกที่ลื่นไหลและคมชัด นอกจากนี้ด้วย RAM สูงสุด 6 GB สามารถเปิดใช้งานสลับไปมาระหว่างแอพได้โดยไม่เสียจังหวะ ขณะที่การออกแบบระบบกันน้ำที่ดีเยี่ยมจะช่วยปกป้องโทรศัพท์ทั้งภายในและภายนอก
moto g30 วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย ราคาเริ่มต้นที่ 5,999 บาท ผ่านช่องทางออนไลน์ และจะเริ่มวางจำหน่ายที่ร้านทรูช็อป ในวันที่ 20 มีนาคม 2564