นายซิ่ว จิน เกียด ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า เอปสันได้มีการนำเสนอแคมเปญ Be Cool เพื่อสื่อสารถึงการตอบโจทย์ความต้องการงานพิมพ์ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยนำเสนอโซลูชั่นการพิมพ์ภายในองค์กรผ่าน Heat-Free เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ไม่ใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ จึงประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ทั่วไปถึง 85% ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 85% และเนื่องจากไม่ใช้ความร้อน ทำให้มีชิ้นส่วนภายในตัวเครื่องที่น้อยกว่า ลดการใช้ชิ้นส่วนได้ถึง 59% เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์
ทั้งนี้ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่มีเทคโนโลยี Heat-Free ครอบคลุมความต้องการใช้งานทางธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์กลุ่ม EcoTank ที่มีแท็งค์หมึกความจุสูง รองรับการพิมพ์ในปริมาณมาก ไม่ทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์เหมือนการใช้ตลับหมึกหรือโทนเนอร์ ทำให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมาก มีต้นทุนการพิมพ์ที่ประหยัด และประสิทธิภาพการทำงานสูง สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ เอปสันยังมีเครื่องพิมพ์กลุ่ม WorkForce Pro และ WorkForce Enterprise ที่ให้ความเร็วการพิมพ์สูงสุดถึง 100 หน้าต่อนาที อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยในการจัดชุดกระดาษและเย็บเล่ม เพื่อเพิ่มความสะดวกและตอบโจทย์การพิมพ์ปริมาณมาก
“ตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจใช้สินค้าจากผู้ผลิตที่ยึดถือหลักความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ในขณะที่หลายบริษัทเริ่มให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ดังนั้นการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับความยั่งยืนจึงกลายเป็นจุดเด่นหนึ่งขององค์กรธุรกิจระดับโลก ขณะที่ผู้บริโภคก็เต็มใจที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคนกลุ่ม Millennial และ GenZ ที่ไม่ได้มองราคาเป็นปัจจัยในการเลือกซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมองถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงการมีส่วนในการตอบแทนสังคม”
อย่างไรก็ดี การที่ผู้ผลิตสามารถแสดงออกถึงบทบาทของบริษัทในการรักษาสิ่งแวดล้อมถือเป็นความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันทางธุรกิจ ที่ไม่เพียงแต่จะรักษาพนักงานไว้กับองค์กร แต่ยังช่วยปกป้องบริษัทจากประเด็นสังคมต่างๆ เพิ่มความน่าเชื่อถือในสังคม ทั้งยังทำให้ผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าและบริการของบริษัทนั้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
นายซิ่ว จิน เกียด กล่าวต่อไปอีกว่า แม้ว่าในปัจจุบัน มีการรณรงค์ลดการใช้กระดาษเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้ความต้องการด้านการพิมพ์ลดน้อยลง แต่ในภาคธุรกิจ ความต้องการการพิมพ์และการใช้กระดาษยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง หลายองค์กรต่างมองหาโซลูชั่นที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างคล่องตัว และรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป เอปสันได้นำหลักความยั่งยืนมาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนงานด้านผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต ตลอดไปจนถึงขั้นตอนบรรจุห่อและโลจิสติกส์ เพื่อรับประกันว่านวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นจะมีส่วนส่งเสริมสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น ในฐานะผลผลิตที่สะท้อนถึงการนำหลักความยั่งยืนมาใช้
นอกจากนี้ เอปสันยังได้แสดงออกถึงจุดยืนในการสนับสนุนความยั่งยืน ผ่านกิจกรรมซีเอสอาร์ตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติมาโดยตลอด ในปี 2004 บริษัทฯ ได้เข้าร่วมข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และได้ประกาศให้การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยนั้น ล่าสุดเอปสันได้ขยายขอบเขตงานซีเอสอาร์มาให้ความสำคัญกับเรื่องของ “Life on Land” โดยได้ร่วมกับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดกิจกรรม “Wheel for Wild” ปั่นพิทักษ์ป่าขึ้น โดยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องพิมพ์ Heat-Free ของเอปสัน เพื่อใช้ในการพิมพ์ประกาศนียบัตรจากทางมูลนิธิฯ โดยเอปสันจะร่วมสมทบทุน 30 บาท ต่อทุก 1 ใบประกาศนียบัตรที่ถูกพิมพ์ออกมา มอบให้กับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ในการรณรงค์ป้องกันการสูญพันธุ์ของสัตว์และพรรณพืชหายากในประเทศไทยต่อไป
สำหรับ ในปี 2020 ที่ผ่านมา EcoVadis บริษัทจัดอันดับองค์กรด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในแบบองค์รวม ได้ประเมินองค์กรธุรกิจมากกว่า 75,000 บริษัท จาก 200 อุตสาหกรรม ใน 160 ประเทศทั่วโลก และได้มอบเหรียญแพลตทินัมด้านความยั่งยืนให้แก่ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น เพื่อเป็นการยกย่องความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาโครงการซีเอสอาร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเอปสันถูกจัดอยู่ในกลุ่มองค์กรที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งมีเพียง 1% ในอุตสาหกรรมการผลิตคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง
“ภารกิจของเอปสันคือการสร้างความไว้วางใจให้กับทุกภาคส่วน ด้วยการเติบโตของธุรกิจ ความสำเร็จในการดำเนินงาน และพันธกิจเพื่อการสร้างโลกที่ดีขึ้น วิสัยทัศน์สู่ความยั่งยืนในอนาคตของเรา ทำให้เรามุ่งมั่นที่จะลดการก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมุ่งให้ความรู้กับสาธารณชน พร้อมทำงานร่วมกับเยาวชน เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนต่อไป”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :