นายณัฏฐ์นวัต พันธุกรกวีวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ บานดี้ จำกัด กลุ่มบริษัท Start Up แห่งเมืองกาฬสินธุ์ ผู้พัฒนา BAANDY แอพพลิเคชัน เปิดเผยว่า ร้านค้าวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในปัจจุบัน มีครอบคลุมพื้นที่ในประเทศไทย จำนวนประมาณ 13,000 ราย แบ่งตามลักษณะการจำหน่ายและรูปแบบการให้บริการเป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ (Modern Trade) และกลุ่มผู้ค้าวัสดุก่อสร้างดั้งเดิม (Traditional trade)
โดยในช่วงที่ผ่านมากลุ่มวัสดุก่อสร้างได้รับผลกระทบจากการหดตัวของภาวะเศรษฐกิจที่มาพร้อมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดมีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัว พัฒนารูปแบบร้านค้าและการขยายช่องทางการตลาด เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทมองเห็นโอกาส จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ต้องการความรวดเร็ว -สะดวกสบาย ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ประกอบกับประสบการณ์ในการคลุกคลีกับกลุ่มร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างมายาวนาน จึงมีความเข้าใจในพฤติกรรมการเลือกซื้อและปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการเลือกซื้อวัสดุก่อสร้างของผู้บริโภค จึงริเริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงวงการค้าขายวัสดุก่อสร้าง แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่มีการค้าขายอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้การออกแบบแอพพลิเคชันมีไอเดียจากการผสาน ประสบการณ์ ความต้องการ และพฤติกรรมจากกลุ่มผู้ขายและผู้บริโภคสองส่วนเข้าด้วยกัน เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายวัสดุก่อสร้าง “บานดี้” (BAANDY Marketplace Platform) ที่พัฒนาโดยคนไทย”นายณัฏฐ์นวัต กล่าว
BAANDY แพลตฟอร์มการซื้อ-ขายวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ให้บริการทั้ง www.baandy.com และแอพพลิเคชัน แบบออมนิ (Omni Shopping) ที่ผสานการซื้อขายออนไลน์และออฟไลน์ (ร้านค้าวัสดุก่อสร้างใกล้บ้าน) เข้าด้วยกัน ทำหน้าที่เป็นตลาดกลางเชื่อมต่อระหว่าง เจ้าของบ้าน ร้านค้า ผู้ให้บริการ เป็นศูนย์รวมในการตอบสนองความต้องการเรื่องบ้านได้อย่างครบครัน รวมทั้งบริการช่างฝีมือ ที่เชี่ยวชาญด้านก่อสร้างซ่อมแซม และบริการติดตั้งครบวงจร มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI ช่วยในการวิเคราะห์และทำการตลาดให้กับร้านค้า ยกระดับวงการวัสดุก่อสร้างและของแต่งบ้านให้เป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น
สำหรับในช่วง 1-2 ปีแรก บริษัทใช้งบประมาณราว 20-30 ล้านบาท สำหรับพัฒนาระบบ บริหารจัดการ รวมถึงทำการตลาด การประชาสัมพันธ์ ซึ่งได้เปิดให้ร้านค้าวัสดุก่อสร้างทั่วประเทศ เข้ามาลงทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งมีกระแสการตอบรับที่ดี และบริษัทตั้งเป้าหมายในปีนี้ จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้าง เข้าร่วมเปิดร้านค้าไม่ต่ำกว่า 3,000 ร้านค้า โดยตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไว้ไมต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
“ในช่วงไตรมาสแรกบริษัทเดินสายให้ข้อมูล และมีร้านค้าร่วมเปิดร้านค้าใน BAANDY App กว่า 400ร้านค้า โดยส่วนใหญ่เป็นร้านค้าในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และยังเดินสายอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการเปิดร้านค้าและเพิ่มสินค้าในแต่ละร้านให้ครอบคลุมที่สุด
ถือเป็นความท้าทายของบริษัท เนื่องจากทั้งร้านค้าและผู้บริโภคแม้ว่าจะยอมรับช่องทางการซื้อขายออนไลน์ แต่ยังไม่คุ้นชินกับช่องทางนี้ ซึ่งบริษัทมีกลยุทธ์การตลาดเพื่อดึงดูดผู้ซื้อผู้ขายให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด โดยการรวบรวมผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายในราคาที่ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่าในการซื้อ พร้อมทั้งกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้า จัดเตรียมโปรโมชั่นที่น่าสนใจไว้มากมาย อีกทั้งบริการการจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วโดยร้านค้าวัสดุก่อสร้างในแต่ละพื้นที่ และผู้นำด้านการจัดส่งสินค้า เช่น ไปรษณีย์ไทย Best Express J&T Express และอื่นๆ พร้อมทั้งมีแผนกลูกค้าสัมพันธ์หรือ CRM ที่คอยให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่ออำนวยความสะดวกสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ร้านค้าและผู้บริโภค” นายณัฏฐ์นวัต กล่าว