นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ โควิด -19 ทำให้ตลาดเครื่องพิมพ์ในประเทศไทยเกิดดีมานด์ กลุ่มใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับสู่การทำงานแบบไม่จำกัดสถานที่ หรือ remote working ซึ่งถือเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา
โดยในปี 2564 ตลาดเครื่องพิมพ์โดยรวมจะยังคงมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากหลายปัจจัย อาทิ การเติมเต็มตลาดด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์หลังจากที่เกิดการชะลอตัวในการป้อนสินค้าสู่ตลาดจากข้อจำกัดด้านการผลิต นอกจากนี้ การปรับคอนเซปต์การใช้งานจาก Centralize สู่ Decentralize ยิ่งเพิ่มโอกาสให้เครื่องพิมพ์เข้าไปแทนทีเครื่องถ่ายเอกสารได้เช่นกัน
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา บราเดอร์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทประมาณ 20% โดยในปี 2564 บราเดอร์ ได้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทระบบแท็งก์ 6 รุ่นที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพในทุกๆ ด้าน เข้ามาเปิดตลาดในเมืองไทยให้ตอบสนองต่อลูกค้าในทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มผู้ใช้งานจากที่บ้านหรือต้องการฟังก์ชั่นการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน, กลุ่มผู้ใช้งานในธุรกิจขนาดเล็กและกลาง ที่ต้องการใช้งานฟังก์ชั่นมากขึ้น เพื่อรองรับงานพิมพ์ให้เหมาะสมกับธุรกิจ และกลุ่มที่ต้องการเครื่องพิมพ์ที่ครบครันด้วยการทำงานแบบมัลติฟังก์ชัน
ด้านนายณเอก สงศิริ รักษาการผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัทบราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บราเดอร์ยังได้วางกลยุทธ์ในการสื่อสารให้ลูกค้าได้ทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อเลือกใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทของ บราเดอร์ผ่านทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยการเปิดตัวในครั้งนี้ บราเดอร์ ได้พัฒนาคอนเทนต์เฉพาะเพื่อเจาะถึงลูกค้าทั้งกลุ่ม SME กลุ่มพนักงานออฟฟิศ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งแต่ละกลุ่มมีความต้องการและความสนใจที่หลากหลาย ซึ่งการเปิดตัว อิงค์เจ็ท ระบบแท็งก์ 6 รุ่นใหม่ ให้รายละเอียดสีเสมือนจริงด้วย wide color gamut พิมพ์เร็วยิ่งขึ้น สอดคล้องกับทุกความต้องการ ด้วยต้นทุนต่อแผ่นการพิมพ์ขาวดำเพียง 3 สตางค์
“บราเดอร์ คาดว่าการรุกตลาดอยากหนักในปีนี้จะสามารถดันส่วนแบ่งการตลาดในส่วนกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทให้เพิ่มขึ้นเป็น 30% บราเดอร์ “
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :