นายคมสันต์ ลี ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ผู้ให้บริการ E-Commerce สัญชาติไทยแบบครบวงจร กล่าวว่า Flash Fulfillment ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2019 และเริ่มให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2020 นับเป็นเจ้าแรกในไทยที่มีคลังสินค้าพร้อมเทคโนโลยี และบริการขนส่งเป็นของตนเอง สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร Flash Fulfillment ไม่เพียงแต่มีจุดแข็งในด้านการบริการอย่าง pick-pack-ship ซึ่งนับเป็นรูปแบบใหม่ของการบริการสำหรับธุรกิจ E-Commerce หากยังมีสิ่งที่โดดเด่น และทำให้ลูกค้าของเราให้ความไว้วางใจ นั่นคือระบบเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อใช้บริหารจัดการ ตั้งแต่การรับสินค้าเข้าคลัง การจัดเก็บสินค้าภายในคลังอย่างเป็นระบบ การจัดเก็บข้อมูล การจัดการออเดอร์ การแพ็คกิ้งตามความต้องการของลูกค้า (Made to order) ไปจนถึงการจัดส่งสินค้าด้วยระบบขนส่งสินค้าของแฟลช เอ็กซ์เพรส รวมถึงพันธมิตรขนส่งรายอื่นๆ นอกจากนี้ ยังสามารถจัดเก็บข้อมูลและเชื่อมต่อด้วยระบบ API ทำให้สามารถตรวจสอบสถานะสินค้าและจำนวนสินค้าภายในคลังได้แบบ real time
“ Flash Fulfillment ได้พัฒนาระบบ WMS หรือ Warehouse Management System ที่ใช้บริหารจัดการภายในคลังทำให้ระบบการตรวจสอบและจัดการสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และระบบ WMS ยังฉลาดในการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม E-marketplace ใหญ่ๆ หลายราย รวมถึงระบบ ERP ต่างๆของลูกค้า ทำให้สามารถควบคุมและติดตามสินค้าได้แบบ Real Time รองรับความต้องการที่หลากหลายจากลูกค้า รวมถึงรองรับภาษาได้หลายภาษา ทั้ง ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาเวียดนาม เป็นต้น นอกจากนี้ ในฝั่งของลูกค้า เราได้พัฒนาระบบ SCM หรือ Supply Chain Management ลูกค้าสามารถตรวจเช็คการรับเข้าและนำออกตลอดจนตรวจสอบสินค้าในคลังได้ด้วยตนเอง โดยปัจจุบันไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการในส่วนนี้แต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีบริการ COD และ ระบบบริหารจัดการสำหรับสินค้าที่ถูกตีกลับ รวมไปถึงรองรับการบริการคืนเงิน COD อีกด้วย ระบบต่างๆเหล่านี้ สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนทำธุรกิจ รวมไป พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ให้สามารถโฟกัสหน้างานได้เต็มที่ ส่วนการจัดการระบบหลังบ้านยกให้เป็นหน้าที่ของเรา ”
“นอกเหนือจากเป้าหมายที่จะขยายไป SEA ในปี 2021 แล้วนั้น Flash Fulfillment ยังได้เตรียมขยายพื้นที่คลังสินค้า จากปัจจุบัน 30,000 ตารางเมตร ซึ่งมีทั้งพื้นที่จัดเก็บแบบอุณหภูมิห้อง และ อุณหภูมิควบคุมหรือ ห้องเย็น โดยปีนี้ ตั้งเป้าขยายพื้นที่ที่ 50,000 ตารางเมตร เนื่องจากขณะนี้มีปริมาณสินค้าหมุนเวียน เข้า-ออก มากกว่า 15,000 ออเดอร์/วัน ทำให้ต้องเร่งขยายพื้นที่ เพื่อรองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมีทีมงานมืออาชีพให้บริการครบทุกฟังก์ชั่น รวมถึงทีมงาน support ระบบ IT และ ระบบ Security แบบ real time ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า และสนับสนุนการขับเคลื่อนของธุรกิจ E-commerce ตลอดจนให้บริการที่สะดวกสบายแก่ Social-Commerce อย่างเต็มรูปแบบ”
ปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำเป็นพันธมิตร และใช้บริการ Flash Fulfillment เป็นจำนวนมาก ทั้งลูกค้า B2B อย่าง Max speed หรือ Xiaomi ลูกค้า B2C อาทิ P&G , Unilever Nestle, Olay และ Philips เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง