การบุกตลาดของผู้ให้บริการคอนเท้นต์ระดับโลก Disney+ Hotstar ที่ถือครองภาพยนตร์กว่า 700 เรื่อง และซีรีส์กว่า 14,000 ตอน โดยจับมือร่วมกับเอไอเอส ผู้ให้บริการมือถืออันดับหนึ่งของไทยโดยลูกค้า AIS สามารถรับชมได้ 49 บาท/เดือน และ 499 บาท/ปี ด้วยปริมาณและความน่าสนใจของคอนเท้นต์ Disney+ Hotstar ผนวกกับราคาที่ทำโปรโมชั่นร่วมกับเอไอเอสสร้างกระแสในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างมาก โดยแอพ Disney+Hotstar มียอดดาวน์โหลดพุ่งเป็นอันดับ 1 ใน หมวดเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และติดเทรนด์ทั้งใน Google Facebook และ Twitter ขณะเดียวกันก็สร้างความสั่นสะเทือนให้กับผู้ให้บริการวิดีโอสตริ่มมิ่ง ไทยและเทศเป็นอย่างมาก
แหล่งข่าวจากผู้ให้บริการคอนเท้นต์รายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าการขยายตลาดของ Disney+ Hotstar สร้างแรงสั่นสะเทือนไปยังผู้ให้บริการวิดีโอสตริ่มมิ่งทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย โดย Disney+Hotstar ใช้จุดเด่นของคอนเท้นต์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์และซีรีส์ชื่อดังระดับฮอลลีวู้ด ภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุด Block Buster และภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลต่างๆ จาก Disney, Marvel, Star Wars, Pixar, National Geographic รวมไปจนถึงภาพยนตร์และซีรีส์จากสตูดิโอชั้นนำจากเอเชียและไทยผนึก ร่วมมือกับโอปอเรเตอร์ที่มีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมากแล้วทำโปรโมชันราคาน่าสนใจ เริ่มต้นที่เดือนละ 49 บาท เพื่อสร้างฐานลูกค้าขึ้นมาให้เร็วที่สุด
“Disney+Hotstar กระแสแรงเพราะคอนเท้นต์ และราคา ทำให้คนอยากลอง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสงครามวิดีโอสตรีมมิ่งคงไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ โดยมองว่าค่าย HBO ที่กำลังเปิดบริการ HBO Max ซึ่งคอนเท้นต์ที่ HBO มีอยู่ก็ไม่ได้แพ้ Disney+Hotstar และจะใช้โมเดลการขยายตลาดเช่นเดียวกับ Disney+Hotstar”
ด้านนายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งของไทย ภายใต้ชื่อ “โมโน แม็กซ์ “กล่าวว่ากระแสของ Disney+Hotstar มาแรงในไทย อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่กระทบกับบริการโมโนแม็กซ์เนื่องจากฐานสมาชิกโมโนแม็กซ์ส่วนใหญ่จะชื่นชอบคอนเท้นต์ซีรีส์จีน ย้อนยุค หรือซีรีส์เอเชีย ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่นที่กำลังมาแรง ทำให้ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายจัดโปรโมชันลดราคาออกมาแข่งขัน แต่ยอมรับว่าด้วยราคาที่น่าสนใจของ Disney+Hotstar อาจมีสมาชิก กลุ่มหนึ่งที่ดาวน์โหลดแอพ หรือสมัครแพ็กเกจ Disney+Hotstar เพิ่มเติมเพื่อทดลองดูคู่กันไป
ขณะที่ นายต่อบุญ พ่วงมหา กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ทรู ดิจิตอลแอนด์ มีเดีย แพลตฟอร์ม และ ออนไลน์สเตชั่น บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรูไอดี (TrueID) มุ่งยกระดับแหล่งรวมสื่อสาระบันเทิงคุณภาพภายใต้ชื่อ ทรูไอดีให้เป็นมากกว่าแพลตฟอร์มมีเดีย เดินหน้าก้าวเป็น ‘Super App TrueID’ แอพอันดับ 1 ของคนไทยด้านความบันเทิงและไลฟ์สไตส์อินเทรนด์ พร้อมอีคอมเมิร์ซ และสิทธิประโยชน์เกินความคาดหมายของลูกค้า และยังคงเดินหน้าพัฒนาต่อด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มให้เพิ่มขีดความสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทั่วไปทุกเครือข่ายรวมถึงการพัฒนาด้านการรับชมคอนเทนต์สาระบันเทิงที่มีความหลากหลายและครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์มากที่สุด เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้าน Content Platform ที่น่าจับตามองมากที่สุดในตลาด OTT
ล่าสุดได้เปิดตัว แพ็กเกจ ทรูไอดีพลัส (TrueID+) โดยขนทัพกว่า 2,000 รายการยอดฮิตระดับเวิร์ลคลาสทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ เรียลลิตี้โชว์คอนเสิร์ต อนิเมชั่น และอนิเมะ โดยจะอัพเดทคอนเทนต์สดใหม่เพิ่มเติมทุกเดือน ตลอดจนคอนเทนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟทั้งไทยและเทศ ซึ่งสามารถดูได้ที่ทรูไอดีพลัสเท่านั้น ซึ่งผู้ชมสามารถรับชมแบบไม่อั้น ทั้งแอป เว็บ และกล่องทรูไอดีในราคาสุดคุ้มเพียง 59 บาทต่อ เดือน (จากปกติ 119 บาท) ตั้งแต่วันนี้-31 ก.ค. 64 เท่านั้น
นายต่อบุญ กล่าวต่อว่า ทรู ไอดีพลัส พร้อมนำเสนอความโดดเด่นด้านคอนเทนต์สุดพิเศษ โดยคัดสรรคอนเทนต์โดนใจที่หาชมได้ยากและหลากหลาย ซึ่งเป็นที่ต้องการ เรียกร้องถามหาและปรารถนาที่จะชม เจาะทุกกลุ่มเป้าหมายเพศวัย ไม่ว่าจะเป็น Asian Variety & Series ที่ได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศและเป็นที่ต้อง การในประเทศไทยอย่างมาก อาทิ รายการวาไรตี้เกาหลีชื่อดัง Boys Mental Training Camp-NCT DREAM รายการแข่งเต้นของจีนสุดมันส์ Street Dance of China 3 ตลอดจนซีรีส์ฮิตจีนโมเดิร์น อย่าง Please Feel at Ease Mr.Ling รวมถึง Word of Honor ซีรีส์ที่สื่อจีนยกให้เป็นซีรีส์แนวมิตรภาพลูกผู้ชายที่มาแรงที่สุดช่วงต้นปี 2021 และซีรีส์ฮิตจากฝั่งเกาหลี Tale of the Nine Tailed นอกจากนั้นยังมีภาพยนตร์คุณภาพ Oscar Award Winning Korean Film อย่าง Parasite อีกด้วย
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,694 หน้า 19 วันที่ 8 - 10 กรกฎาคม 2564