นายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล เจ้าของลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เสริม แบรนด์โนเกียทั่วโลก เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 โนเกียได้รับการตอบรับจากตลาดประเทศไทยเป็นอย่างดี ด้วยยอดขายเติบโต 40% เมื่อเทียบจากปีก่อนทั้งในแง่ของผู้บริโภครับรู้ว่าแบรนด์โนเกียกลับเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง และในแง่การตอบรับต่อตัวโปรดักส์คุณภาพและความคุ้มค่าของโทรศัพท์โนเกีย โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2564 ที่ผ่านมา หลังเดินเกมการตลาดเข้มข้น เปิดตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่ครอบคลุมทั้งฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทโฟนสู่ตลาดไทยไปแล้วรวม 8 รุ่น ประกอบด้วย โทรศัพท์ฟีเจอร์โฟน จำนวน 2 รุ่น คือ “Nokia 105 4G” และ “Nokia 110 4G” พร้อมจุดเด่นที่เป็นการยกระดับมาตรฐานตลาดฟีเจอร์โฟนใหม่ ด้วยระบบเสียงคมชัดถึงระดับ VoLTE HD รองรับการเชื่อมต่อ 4G ออกแบบให้สามารถใช้งานง่ายขึ้นด้วยซูมเมนู เปิดฟังวิทยุเอฟเอ็มได้ทันที โดยไม่ต้องใส่หูฟัง แบตเตอรี่อึด สแตนบายได้สูงสุด 18 วัน
นอกจากนี้ ยังเปิดตัวโทรศัพท์สมาร์ทโฟน จำนวน 6 รุ่น ได้แก่ สมาร์ทโฟนระดับบนรุ่น “Nokia 5.4” ที่เน้นดีไซน์ให้ทันสมัย จอ IPS LCD แบบ Dot Display ขนาด 6.39 นิ้ว ขนาดกำลังดีและงานออกแบบที่สวยงาม มีให้เลือกทั้งสี Polar Night และ Dusk สเปกเต็มขุมพลัง Snapdragon 662 พร้อมRAM 4GB ความจำ 128GB สามารถเพิ่มความจำได้ในตัวและได้แบตเตอรี่อึดอยู่ได้นานสุด 2 วัน ต่อมา “Nokia G20” ที่สามารถเป็นครีเอทีฟสตูดิโอเคลื่อนที่ ด้วยกล้องถ่ายภาพคมชัด 48 ล้านพิกเซล ทั้งแบบไวด์สกรีน มาโคร และวิดีโอ รวมทั้งระบบเสียง OZO Audio เพิ่มอรรถรสให้เนื้อหา พร้อมแบตเตอรี่อึด ชาร์จเพียงครั้งเดียวใช้ได้นาน 3 วัน และสมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่น “Nokia 3.4” จอขนาด 6.39" HD+ แบบ Punch Hole Display พร้อมกล้องหลัง 3 ตัว 13 MP, 5 MP Ultra Wide และ 2 MP ด้วย AI อัจฉริยะ โหมดถ่ายภาพบุคคล และโหมดถ่ายภาพกลางคืน และกล้องหน้า 8 MP ที่พลาดทุกช่วงเวลาดี ๆ ต่อมากับ “Nokia 1.4” สเปคเกินคุ้ม ปฏิบัติการอัพเกรดได้ถึง Android 12 (Go Edition) ชิปเซ็ต Qualcomm® ประมวลผลข้อมูลแบบไม่ติดขัด พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล กล้องคู่หลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์มาโครความละเอียด 2 ล้านพิกเซล หน้าจอ HD+ ขนาดใหญ่ 6.51 นิ้ว และแบตเตอรี่สุดอึด ใช้งานยาว ๆ 2 วัน เดินหน้าต่อด้วย “Nokia C10” โดดเด่นที่ความลงตัวระหว่างแบตเตอรี่เพียงพอสำหรับใช้งานเต็มวัน และหน้าจอ HD+ ระดับคริสตัลเคลียร์ที่ใหญ่คมชัด ฟีเจอร์วิดีโอ HDR คู่กับแฟลช LED ด้านหน้าและด้านหลัง ยกระดับการถ่ายภาพที่เหนือชั้น และ “Nokia G10” ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน โดดเด่นดีไซน์ตัวเครื่องสีม่วง (Dusk) นำเทรนด์ พร้อมด้วยสีน้ำเงิน (Night) ในราคาที่จับต้องได้เพียง 3,990 บาท ด้วย CPU Mediatek G25 8x A53 2.0GHz และจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว คมชัดระดับ HD+ สเปกเดียวกับ Nokia G20 โดยแต่ละรุ่นล้วนมีจุดเด่น เน้นเอกลักษณ์เฉพาะแบรนด์ โนเกีย ที่ดีไซน์สวย ฟังก์ชันครบ วัสดุคงทน คุ้มเกินราคา พร้อมแบตเตอรี่สุดอึด แถมอัพเดทระบบปฏิบัติการและระบบความปลอดภัยต่อเนื่องนาน 2 ปี
โดยหนึ่งในปัจจัยของการเติบโต สู่ความสำเร็จในครึ่งแรกของปี 2564 ของโนเกีย มาจากการเข้าไปนั่งอยู่ในใจผู้บริโภค เพื่อค้นหาความต้องการอย่างแท้จริงในยุคปัจจุบันท่ามกลางภาวะการเปลี่ยนแปลง พบส่วนหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นคือ ผลกระทบจากช่วงมาตรการล็อกดาวน์ และการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เร่งให้เกิดการปรับตัวของธุรกิจ และรูปแบบชีวิตประจำวันของผู้บริโภคทุกช่วงวัยสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ทั้งด้านการเรียน การทำงาน อีกทั้งด้านรองรับการใช้งานแอปฯ ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น แอปฯ “เป๋าตัง” “หมอพร้อม” และแอปฯ ธนาคาร สมัคร โอน เติม จ่าย ส่งผลให้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนขึ้นแท่นเป็นเครื่องมือหลักในการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ด้วยยุคเศรษฐกิจรัดตัว ผู้บริโภคต่างมองหาโทรศัพท์มือถือที่ดีไซน์สวย มีความคงทนใช้งานยาวนาน ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้งาน และที่สำคัญคืออยู่ในราคาระดับที่จับต้องได้ ทั้งนี้ โนเกียจึงมุ่งพัฒนาออกแบบสมาร์ทโฟน บนพื้นฐานคอนเซปต์ Love it รักเลย / Trust it ไว้ใจได้ / Keep it ทนทาน ในโทรศัพท์ทุกเซ็กเมนท์ ด้วยราคาสบายกระเป๋าสำหรับคนไทย ขานรับความต้องการทุกรูปแบบการใช้งาน
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลังโนเกียยังคงมุ่งมั่นพัฒนา และออกแบบโทรศัพท์มือถือที่เน้นความต้องการผู้บริโภคให้มากที่สุด โดยตั้งเป้าเปิดตัวสมาร์ทโฟนออกสู่ตลาดให้ครอบคลุมตลาดทุกเซ็กเมนท์ ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่เข้มข้นและเสนอโปรดักส์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ในทุกเซ็กเมนท์ เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์โทรศัพท์ในใจผู้บริโภคทุกกลุ่ม ที่มาพร้อมความชื่นชอบ ไว้วางใจ และใช้งานได้นานคุ้มค่า ในราคาที่จับต้องได้ในทุกช่วงเวลา