นายอเลฮานโดร โอโซริโอ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในประเทศที่ได้ทวีความรุนแรงขึ้น โดยยอดผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) ได้ยกระดับมาตรการควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 และประกาศล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้มใน 13 จังหวัด สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น ผลกระทบต่อภาคธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารซึ่งรายได้หลักหายไปจากการประกาศงดการบริโภคภายในร้าน รวมถึงส่งผลต่อรายได้และการใช้จ่ายของคนไทยจำนวนไม่น้อย ปัญหาการขาดแคลนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลจนเป็นที่มาของมาตรการกักตัวเองที่บ้าน (Home Isolation) เป็นต้น”
“ที่ผ่านมา แกร็บ ประเทศไทย ได้ยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยในบริการ พร้อมประกาศมาตรการเร่งด่วนเพื่อให้การสนับสนุนคนกลุ่มต่างๆ ในวงจรธุรกิจของเราอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น พาร์ทเนอร์ร้านค้า พาร์ทเนอร์คนขับ ผู้ใช้บริการ รวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ โดยล่าสุด เราได้เปิดตัวโครงการ ‘สู้ไปด้วยกัน’ เพื่อมุ่งบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติโควิดระลอกที่ 4 ให้กับคนไทยใน 4 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ผู้ประกอบการร้านอาหาร ผู้ป่วยและโรงพยาบาล พาร์ทเนอร์คนขับ รวมถึงผู้ใช้บริการและสังคมโดยรวม โดยได้ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ อาทิ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จํากัด (มหาชน) (PTG) และอีกหลายเครือข่ายพันธมิตร ผ่าน 4 กิจกรรมหลักซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนสิงหาคมนี้”
ทั้งนี้ 4 กิจกรรมหลักภายใต้โครงการ “สู้ไปด้วยกัน” ประกอบด้วย
• พร้อมใจสู้คู่ร้านค้า: โดยแกร็บร่วมกับ KBank เตรียมให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารผ่านโครงการ “ร่วมด้วย ช่วยเปย์” เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชันเพื่อกระตุ้นยอดขายและกระแสเงินสดหมุนเวียนให้กับธุรกิจร้านอาหาร
o มอบเงินสนับสนุนให้กับพาร์ทเนอร์ร้านค้าที่ใช้บัญชีกสิกรไทยในอัตรา 15% ของยอดขายในเดือนสิงหาคม (จำกัดวงเงินสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อร้าน) โดยติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.grabmerchantth.com/grabfood-kbank
o เตรียมจัดแคมเปญ “ร่วมด้วย ช่วยเปย์” เพื่อมอบส่วนลดค่าอาหาร 50% เมื่อสั่งอาหารผ่าน GrabFood พร้อมช่วยโปรโมตร้านอาหารขนาดเล็กทั่วประเทศผ่านสื่อและแอปพลิเคชัน โดยติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เร็วๆ นี้
• พร้อมใจสู้คู่สังคมไทย: โดยแกร็บร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย พร้อมส่งเสริมการบริจาคสมทบทุนโรงพยาบาลเพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19
o ร่วมกับ CRG เพื่อช่วยจัดส่งอาหารจากแบรนด์ในเครือด้วยบริการ GrabExpress ให้กับผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้านภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นอกจากนี้ ยังได้มอบส่วนลดค่าบริการให้กับเครือข่ายช่วยเหลือสังคม อาทิ เพจเราต้องรอด และโรงพยาบาลศิริราช ในการจัดส่งอาหารหรือยาให้กับผู้ป่วย
o ชวนผู้ใช้บริการเปลี่ยนคะแนน GrabRewards เป็นเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนมูลนิธิของโรงพยาบาลต่างๆ อาทิ มูลนิธิรามาธิบดี โดยแกร็บจะร่วมสมทบทุนอีกเท่าตัวของยอดบริจาคทั้งหมดด้วย
• พร้อมใจสู้คู่พี่คนขับ: สร้างความอุ่นใจและพร้อมให้ความช่วยเหลือพาร์ทเนอร์คนขับที่ถือเป็นด่านหน้าในการให้บริการการเดินทางและการจัดส่งอาหาร-พัสดุ
o ผนึก PTG มอบสิทธิประโยชน์ในการเข้ารับบริการพ่นฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและผู้จัดส่งอาหารของแกร็บที่สถานีบริการปั๊มน้ำมันพีที 855 สาขาทั่วประเทศไทยตลอดเดือนสิงหาคมฟรี! ครอบคลุมทั้งการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งภายในและภายนอกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมไปถึงกล่องใส่อาหาร
o ร่วมกับ GQ Apparel ทยอยมอบหน้ากากผ้ารุ่น GQWhite™ Mask พร้อมลายสกรีน Vaccinated จำนวน 150,000 ชิ้นให้กับพาร์ทเนอร์คนขับที่ได้รับวัคซีนแล้ว นอกจากนี้ ยังได้จับมือกับพันธมิตรอื่นๆ อาทิ ยูนิลีเวอร์ เป๊ปซี่โค แบรนด์ซันโทรี อายิโนะโมโต๊ะ และเทนเซ็นต์ เพื่อจัดทำ “ถุงพร้อมใจ” ที่บรรจุผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่างๆ เพื่อมอบให้กับพาร์ทเนอร์คนขับที่ได้รับผลกระทบ
• พร้อมใจสู้คู่คนไทย: โดยการมอบส่วนลดค่าบริการส่งอาหารและพัสดุผ่าน GrabFood GrabMart และ GrabExpress เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค ทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยในช่วงไตรมาสที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมถึง 19 กันยายน 2564
o มอบส่วนลดสูงสุด 80% สำหรับผู้ใช้ใหม่ (3 ครั้งต่อผู้ใช้) เพียงใส่โค้ด “WITHYOU80”
o มอบส่วนลดสูงสุด 30% สำหรับผู้ใช้เดิม (3 ครั้งต่อผู้ใช้) เพียงใส่โค้ด “ WITHYOU30”
“ท่ามกลางวิกฤติโควิดระลอกล่าสุดซึ่งถือว่าหนักหนาและส่งผลกระทบในวงกว้างมากกว่าทุกครั้ง แกร็บ พร้อมด้วยพันธมิตรของเรา ขอร่วมเคียงข้างคนไทยเพื่อ ‘สู้ไปด้วยกัน’ เพื่อช่วยให้ร้านอาหารมียอดขายเพิ่มขึ้นเพื่อต่อลมหายใจ ให้คนขับมีรายได้อย่างต่อเนื่อง แบ่งเบาภาระให้กับผู้บริโภคและโรงพยาบาล รวมไปถึงช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย เพื่อให้พวกเราสามารถฝ่าฟันและก้าวข้ามความยากลำบากครั้งนี้ไปให้ได้” นายอเลฮานโดร กล่าว