นายจักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิตภัณฑ์ การขายและการตลาด บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด ผู้นำและศูนย์รวมอุปกรณ์ไอทีครบวงจรที่มีสาขาครอบคลุมกว่า 350 สาขาทั่วประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดไอทีครึ่งปีหลัง แนวโน้มความต้องการไอทียังมีสูงอยู่ โดยคาดว่าปัญหาคนตกงาน จะสร้างให้เกิดธุรกิจออนไลน์เพิ่มขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องใช้ไอทีเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนมาตรการล็อคดาวน์ในขณะนี้จะคล้ายกับกับช่วงเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ซึ่งแอดไวซ์มีความเห็นว่าการรับมือไม่แตกต่างกันมาก เนื่องจากเรามีประสบการณ์จากครั้งแรกและเราทำงานได้เร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวมเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกนี้ ซึ่งส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
“แอดไวซ์ ได้มีการปรับปรุงการดำเนินงานและบริหารจัดการต่างๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อาทิ การเพิ่มความสะดวกการใช้บริการที่สาขาด้วยบริการ Advice 3D เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าในการใช้บริการ ซึ่งประกอบด้วย Advice Drive Thru โดยจะมีพนักงานรับออเดอร์และจัดสินค้าส่งให้ลูกค้าเพียงมาจอดรถในจุดบริการ โดยสามารถให้บริการได้ทุกสาขาที่เป็นสแตนอโลนทั่วประเทศ และหากไม่สะดวกในการเดินทางมาจุดบริการสามารถเลือกใช้บริการ Advice Delivery เป็นบริการจัดส่งถึงบ้าน และทางด้านการบริการดูแลหลังการขาย Advice Dee Dee Onsite Claim & Service ทุกบริการเพื่อเป็นอีกช่องทางอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าทั้งในด้านการซื้อสินค้าและการให้บริการและตอบโจทย์ยุค New Normal อีกทั้งเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยของลูกค้าในการใช้บริการอีกด้วย
“ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแอดไวซ์มีการปรับรูปแบบการดำเนินงาน การทำตลาดและการให้บริการ จากเชิงรับเป็นเชิงรุกมากขึ้น พร้อมมุ่งเน้นการทำตลาดออนไลน์ ทั้งในส่วนของช่องทางหลักอย่างอี-คอมเมิร์ช เรายังขยายช่องทางในส่วนของมาเก็ตเพลส และโซเชียลคอมเมิร์ช เพิ่มเติม เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามสถาการณ์ในปัจจุบัน”
นายจักรกฤช กล่าวต่อไปอีกว่าจากสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดในปัจจุบัน มีหลายพื้นที่ๆได้รับผลจากการประกาศล็อคดาวน์ ซึ่งแอดไวซ์ได้รับผลกระทบบางส่วนในสาขาที่ตั้งอยู่บนห้างสรรพสินค้าหรือไอทีพลาซ่าต่างๆ แต่เมื่อเทียบจำนวนสาขาที่ได้รับผลกระทบจากจำนวนสาขาทั้งหมดแล้วนับว่าเป็นเพียงแค่ 10% ของสาขาทั้งหมดเท่านั้น โดยสาขาที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติมีจำนวนกว่า 300 สาขา ที่ส่วนใหญ่เป็นสแตนอโลน ซึ่งเราให้ความสำคัญในด้านการรักษาความสะอาดและการให้บริการอย่างถึงที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการทุกที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน นอกจากสาขาแล้วลูกค้ายังสามารถเลือกใช้บริการและเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์หรือสำนักงานใหญ่ได้ตามปกติ โดยสามารถใช้บริการจัดส่งถึงบ้านหรือเดินทางมารับสินค้าเองด้วยบริการ Drive Thru ได้เช่นกัน
สำหรับการเติบโตแอดไวซ์ ปีนี้สัดส่วนของกลุ่มลูกค้าแอดไวซ์ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ คอนซูเมอร์ และคอมเมอร์เชี่ยล ปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่ 70:30 ซึ่งการเติบโตของกลุ่มลูกค้าแอดไวซ์ทั้ง 2 กลุ่มในปีนี้คาดเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ10% สำหรับกลุ่มลูกค้าคอมเมอร์เชียลของแอดไวซ์ที่เราเริ่มขยายทำตลาดในกลุ่มนี้เมื่อปี 62 ถือว่ามีการเติบโตถึง 100% ซึ่งเรามีฐานลูกค้ากลุ่มนี้น้อยอยู่เพราะเพิ่งเริ่มทำตลาดเพียง 2 ปีและยังเดินหน้าขยายเพิ่มเติม นอกจากนี้ในส่วนของการเปิดสาขาใหม่ในครึ่งปีแรกปีนี้ ยังดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ โดยสาขาที่เปิดมีดังนี้ จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดชัยนาท และในกรุงเทพฯ มี 2 แห่ง ได้แก่ สาขาในไทวัสดุ บางนา และสาขาเซ็นทรัลพระรามสอง (หากสถานการณ์โควิดดีขึ้นคาดว่าจะเปิดได้ในเดือน ก.ย.)