"ซีเมนส์" เปิดโมเดลอัพเกรดเมืองอัจฉริยะ รุกเทคโนโลยี5G

02 ธ.ค. 2564 | 09:28 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ธ.ค. 2564 | 16:44 น.

"ซีเมนส์" เดินหน้าอัพเกรดเมืองอัจฉริยะ ดึงเทคโนโลยี5G เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หนุนอุตสาหกรรมไทย4.0

นางสุวรรณี สิงห์ฤาเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซีเมนส์ ประเทศไทย เปิดเผยในงานสัมนา5G THAILAND BIG MOVE DRIVE NEW ECONOMY จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า ที่ผ่านมาหลายคนจะเห็นว่าบริษัทฯดำเนินการธุรกิจในรูปแบบ Engineering Company แต่ปัจจุบันทางบริษัทดำเนินการรูปแบบ Technology Company ที่ใช้นวัตกรรมในการทรานฟอร์มในทุกวันๆ โดยนวัตกรรมที่ดำเนินการของบริษัทมีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคน

 

 

 

 

ที่ผ่านมามีรถยนต์ที่ได้ผลิตในประเทศไทยโดยใช้การออกแบบซอฟต์แวร์ของบริษัท เช่น Nissan ,Isuzu ซึ่งซอฟต์แวร์ดังกล่าวของบริษัทได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ และเทคโนโลยีAutomation ของ BENZ,BMW รวมทั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าของคอนโดOrigin และเทคโนโลยีระบบการควบคุมอุณหภูมิภายในอากาศของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ฯลฯ โดยเทคโนโลยีเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของบริษัทที่ได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา

 

 

 

 

 นางสุวรรณี กล่าวต่อว่า บทบาทของเราเป็นหนึ่งในผู้นำด้านซอฟต์แวร์และอุตสาหกรรมของโลก โดยเราเป็นTechnology Company ที่ประสานทั้ง Operation Technology และ IT เข้าด้วยกัน ส่วนเทคโนโลยี5G เป็นส่วนผลักดันในเรื่องกานเปลี่ยนผ่านที่มีความแม่นยำมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนำเทคโนโลยีไปใช้

ทุกวันนี้เราจะได้ยินคำว่าเมืองอัจฉริยะ ในส่วนของ IOT ก็เป็นส่วนหนึ่งของเมืองอัจฉริยะและเป็นส่วนในโรดแมปของไทยแลนด์4.0 ซึ่งเมืองอัจฉริยะจะช่วยให้คนที่อยู่ในเมืองได้รับความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้นโดยใช้นวัตกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะที่สามารถสั่งการได้ด้วยเสียงสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าและสามารถดูแลสิ่งแวดล้อมได้ รวมทั้งสามารถติดตั้งอุปกรณ์ ที่ผ่านIOTส่งผ่านระบบ Cloud และผ่านเทคโนโลยี 5G และประเมินข้อมูลทำให้เมืองมีความน่าอยู่มากยิ่งขึ้น เป็นเมืองสีเขียวที่ช่วยประหยัดพลังงาน

 

 

 

 นางสุวรรณี กล่าวต่อว่า ล่าสุดงานExpo 2020 ที่จัดขึ้นที่ประเทศดูไบ ได้มีการเลื่อนจัดงานเป็นวันที่ 1 ต.ค.2564 แทน เนื่องจากติดปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19พบว่า มีเมืองอัจฉริยะขนาดพื้นที่ 46.3 ตร.กม. ทางบริษัทได้เป็นซีเนียร์พาทเนอร์ในการบริหารจัดการระบบเมืองนี้ ซึ่งมีการวางแผนถึง 5 ปี โดยมีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็น2เท่าของเมือง โมนาโก ซึ่งมีระบบเซนเซอร์ในการส่งผ่านข้อมูลกว่า 300,000 ตัว ส่วนการบริหารจัดการบริษัทได้ดำเนินการราว 70 ประเทศ นอกจากการบริหารจัดการเมือง ด้านความปลอดภัย อุณหภูมิภายในอาคาร E-Car แล้ว บริษัทได้ดำเนินการบริหารจัดการด้านไฟฟ้าเพื่อจ่ายเข้ามาในเมืองดังกล่าวผ่าน 3 แหล่ง ประกอบด้วย 1.พลังงานไฟฟ้าโดยตรง 2.Solar Plank 3.Hydrogen Plank หลังจากสิ้นสุดงานฯนี้ภายในเดือนมี.ค.65 จะมีประชากรเข้าไปอยู่อาศัยราว 140,000 คน โดยบริษัทยังคงมีแผนบริหารจัดการเมืองให้มีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น คาดว่าจะได้เห็นเทรนด์เมืองอัจฉริยะภายในเร็วๆนี้

ทั้งนี้เทคโนโลยีในอนาคตจะเกิดขึ้นได้จากนำเทคโนโลยีที่มีซอฟต์แวร์มาช่วยออกแบบ เช่น 3D printing ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมในไทยให้เติบโตเพิ่มขีดความสามารถในกานแข่งขันไปสู่อุตสาหกรรม4.0

 

 

 

 "เราเป็นทั้งOT และ IT ที่จะประสาน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า อีกทั้งเทคโนโลยี 5Gจะเป็นตัวสนับสนุนความต้องการของลูกค้าให้เกิดขึ้นจริงได้ เราคือผู้ผลิตนวัตกรรมที่มีความตั้งใจที่จะทรานฟอร์มและไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อรองนับแผนเมืองอัจฉริยะ (smart city) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและภาคอุตสาหกรรม เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำการผลิตภาคอุตสาหกรรม 4.0 รวมทั้งเทคโนโลยี5G จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจในประเทศและสามารถแข่งขันกับประเทศทั่วโลกได้