นายวราวุธ นาถประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดบริการขนส่งพัสดุปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่องตามการเติบโตของอี-คอมเมิร์ซ ที่มีแคมเปญกระตุ้นยอดขายทุกเดือน ซึ่งเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ยังเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยเปิดรับพนักงานเพิ่ม 10,000 คน ทำให้ขณะนี้มีพนักงานรวม 20,000 คน ซึ่งบริษัทยังคงยึดมั่นในเรื่องความปลอดภัยพนักงานภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด
นอกจากนี้ยังขยายศูนย์กระจายสินค้า ภายใต้ชื่อ “ชาโดว์ ฮับ” พื้นที่ 10,000 ตารางเมตร 4 แห่ง ที่บางนา ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรสาคร เพื่อเตรียมความพร้อม หากเกิดสถาน การณ์ไม่แน่นอน หรือมีการแพร่ระบายของโควิดหนักทำให้ศูนย์กระจายสินค้าที่เดิมมีอยู่ 9 แห่ง ไม่สามารถปฎิบัติการได้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้การให้บริการหยุดชะงัก โดยชาโดว์ ฮับ จะมีระบบอุปกรณ์รองรับการทำงานเช่นเดียวกับศูนย์กระจายสินค้าหลัก ซึ่งจากการขยายชาโดว์ ฮับ ทำให้บริษัทมีความสามารถรองรับการส่งสินค้าได้สูงสุด 3 ล้านชิ้นต่อวัน
พร้อมกันนั้นยังได้ขยายศูนย์กระจายสินค้าย่อยเพิ่มอีก 200 แห่ง จากเดิม 1,000 แห่ง เพื่อช่วยกระจายสินค้าเข้าถึงบ้าน และขยายจุดให้บริการรับส่งสินค้าเพิ่มเติม ทั้งร่วมกับพาร์ทเนอร์ และเปิดรับแฟรนไซส์ เพิ่มเป็น 20,000 แห่ง จากเดิม 10,000 แห่ง นอกจากนี้ยังได้เตรียมร่วมมือกับผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี
นายวราวุธกล่าวต่อไปว่า บริษัทยังคงเดินหน้าต่อเนื่องบริการส่งพัสดุราคาประหยัด ภายหลังจากที่แคมเปญส่งพัสดุ 19 บาท จากเดิม 25 บาท ได้รับกระแสการตอบรับดี โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าสินค้าออนไลน์ โดยมียอดส่งสินค้าไปแล้ว 7.5 ล้านชิ้น นอกจากนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ ยังมีแผนร่วมมือกับผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรีรายหนึ่งขยายการให้บริการ Door to Door รับของถึงบ้านแบบเร่งด่วน โดยมีการชาร์จค่าบริการเพิ่มเล็กน้อย โดยเพิ่มบริการดังกล่าวในแอพเคอรี่
นอกจากนี้บริการ Kerry Cool ที่ให้บริการส่งสินค้ากลุ่มอาหารแช่แข็ง ให้กับกลุ่มเบทาโกร นั้นกลางปีนี้จะขยายการให้บริการไปกลุ่มลูกค้าหลัก ในรูปแบบ C2C ทั้งการให้บริการส่งนํ้าผลไม้ อาหารแช่แข็ง อาหารทะเลสด ส่วนบริการเคอรี่ส่งของใหญ่นั้นจะมีการร่วมทุนกับค้าปลีกรายใหญ่รายหนึ่ง เพื่อให้บริการส่งเครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้เย็น เครื่องซักผ้า
สุดท้ายบริการที่มีแผนเปิดเพิ่มในปีนี้ คือ แอพพลิเคชัน เคอรี่ วอลเล็ต ซึ่งจะร่วมมือกับ แรบบิทไลน์เพย์ ธนาคาร และกลุ่มนันแบงก์ เปิดให้บริการ อย่างไม่เป็นทางการประมาณไตรมาสแรกปีนี้ โดยบริษัทเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของการชำระจ่ายเงินด้วย QR Payment ที่เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก และมีแนวโน้มการใช้งานเพิ่มขึ้น จึงได้ตัดสินใจเปิดให้บริการเคอรี่วอลเล็ต
นายวราวุธ กล่าวต่อไปอีกว่าสถานการณ์ราคานํ้ามันที่แพงขึ้น เป็น 1 ใน 20 ต้นทุนธุรกิจที่เราต้องดูแล โดยบริษัทยังมีต้นทุนการดูแลพนักงาน ภายใต้มาตรการป้องกันการ ระบาดโควิดที่เพิ่มขึ้น ต้นทุน เงินจูงใจให้พนักงานทำงานกับบริษัท ซึ่งบริษัทจำเป็นต้องดำเนินธุรกิจในต้นทุนที่สูงขึ้น ในขณะ ที่ราคาตํ่าลง อย่างไรก็ตามบริษัทลงทุนทำธุรกิจระยะยาว ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการลงทุน เพื่อสร้างการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) ขึ้นมา เมื่อถึงจุดหนึ่งรายได้จากบริการต่อยูนิต (หน่วย) จะเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระยะเวลา 2 ปี นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญในการเรื่องธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจร่วมกับพาร์ทเนอร์ และแฟรนไชส์ ตลอดระยะเวลา 7-8 ปี ในการทำธุรกิจ ซึ่งบริษัทพร้อมร่วมมือทำธุรกิจกับพาร์ทเนอร์ทุกราย โดยมีผลประโยชน์ตอบแทนอยู่ในบรรทัดฐานที่เหมาะสม
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,752 หน้า 14 วันที่ 27 - 29 มกราคม 2565