นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลด้านสาธารณสุขให้ครบวงจรอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นองค์รวม โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาระบบบริการร่วมกัน
ดังนั้น ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในวันนี้ของทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่มีบทบาทในการสร้างการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้กับประชาชน บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ที่มีบทบาทในการดูแลระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขับเคลื่อนด้านการสื่อสารและบริการดิจิทัลให้กับประเทศ และ บริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก หนึ่งในกลุ่มบริษัทบิทคับ ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain แถวหน้าของประเทศไทย โดยสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับระบบการจัดการฐานข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ในการยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมทางการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสูง และคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยหรือผู้ให้ข้อมูลได้ จึงนับเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยสร้างคุณูปการในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต พัฒนาสังคม
ด้านนายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน รวมถึงระบบหลักประกันสุขภาพ ที่ผ่านมา สปสช. ได้นำเทคโนโลยีมาร่วมบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มคุณภาพและมาตรฐานบริการให้กับประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องของการเบิกจ่าย เช่น ระบบพิสูจน์ตัวตนเพื่อยืนยันเข้ารับบริการ เป็นต้น
การลงนามความร่วมมือของ 3 หน่วยงานภายใต้โครงการจัดทำระบบนำร่องเพื่อให้บริการด้านสุขภาพ (Health Platform) ในวันนี้ เชื่อมั่นว่าจะนำไปสู่การพัฒนาระบบ Health Digital ID ที่มีความแม่นยำ เกิดการเชื่อมโยงระบบข้อมูลสุขภาพประชาชนและการใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพ อันเป็นข้อมูลพื้นฐานสำคัญในการวางโยบายด้านสุขภาพของประเทศ รวมถึงการพัฒนาระบบบริการต่าง ๆ ด้านการแพทย์ในอนาคต อย่าง Telehealth, Telemedicine ที่ตอบโจทย์ผู้รับบริการ โดย สปสช. รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อความร่วมมือในครั้งนี้