รัฐบาลส่ง “ดาวเทียม” สำรวจโลกดวงแรกของไทยไปอวกาศต้นปีหน้า

23 มิ.ย. 2565 | 04:51 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2565 | 11:57 น.

รัฐบาลส่ง “ดาวเทียม” สำรวจโลกดวงแรกของไทยไปอวกาศต้นปีหน้า หลังพัฒนา “THEOS-2” เสร็จส่งถึงประเทศไทยแล้ว ไปดูศักยภาพของดาวเทียมเล็กชนิดนี้กันว่า เป็นยังไง เอามาใช้งานในด้านไหนได้ และความพิเศษของดาวเทียมนี่มีอะไรที่น่าสนใจ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ การพัฒนาดาวเทียมเล็ก “THEOS-2” ซึ่งพัฒนาโดยวิศวกรดาวเทียมชาวไทยกว่า 20 คน จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างดาวเทียมจากประเทศอังกฤษ เป็นเวลากว่า 2 ปี ได้เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว 

 

ล่าสุดอยู่ระหว่างทดสอบระบบดาวเทียม ณ ศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียม อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ก่อนส่งขึ้นสู่อวกาศในต้นปี 2566 

 

สำหรับ ดาวเทียมเล็ก “THEOS-2”  เป็นดาวเทียมสำรวจโลกดวงแรกของไทย มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม พร้อมด้วยระบบเซนเซอร์และกล้องถ่ายภาพ ประกอบด้วย กล้องถ่ายภาพโลก กล้องถ่ายภาพดาวเทียม อุปกรณ์วัดสนามแม่เหล็กโลก อุปกรณ์วัดการเคลื่อนไหว อุปกรณ์วัดความเข้มของแสงอาทิตย์ และอุปกรณ์จีพีเอส 

อีกทั้งยังสามารถบันทึกภาพที่มีรายละเอียดประมาณ 1 เมตร ต่อ pixel เมื่อส่งขึ้นสู่อวกาศแล้ว จะโคจรรอบโลกวันละ 13-14 รอบ และผ่านประเทศไทย 3-4 รอบต่อวัน ถือเป็นความก้าวหน้าด้านพัฒนากิจการอวกาศของไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ

 

นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) บริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด (TAI) สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (TSC) และ GISTDA ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจว่าด้วยการสร้างความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทดสอบชิ้นส่วนอากาศยาน 

 

ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมและพัฒนาขีดความสามารถที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของประเทศไทย โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี  ภายใต้กรอบความร่วมมือของพันธมิตรทั้ง 4 หน่วยงาน

 

สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศเพื่อการพึ่งพาตนเอง ลดการนำเข้า และเพิ่มความสามารถการแข่งขันในตลาด โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

นางสาวรัชดาฯ กล่าวว่า รัฐบาล พร้อมผลักดันส่งเสริมการสร้าง และการผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน บริภัณฑ์ภาคพื้น และอุปกรณ์สนับสนุนการซ่อมบำรุงอากาศยาน เพื่อสนับสนุนการซ่อมบำรุงอากาศยานพร้อมกับการสนับสนุนจากห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานในการทดสอบชิ้นงาน 

 

รวมทั้งให้การรับรองคุณภาพความปลอดภัยในการใช้งานตามมาตรฐาน AS9100D ทำให้ผู้ใช้งานมีความเชื่อมั่นในคุณภาพ และความปลอดภัยในชิ้นส่วนอากาศยานที่ผลิตภายในประเทศ รวมทั้ง กระตุ้นความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการประกอบธุรกิจด้านการบินและอวกาศ