ชี้ช่อง SME เพิ่มรายได้ตลาดอี-คอมเมิร์ซระหว่างประเทศ

27 มิ.ย. 2565 | 09:40 น.
อัปเดตล่าสุด :27 มิ.ย. 2565 | 16:50 น.

นินจาแวน ประเทศไทย ชี้ช่องเอสเอ็มอีไทยเพิ่มรายได้จากตลาดอี-คอมเมิร์ซระหว่างประเทศ พบสถิติการส่งสินค้าเพิ่มขึ้นชัดเจน 2 ล้านชิ้นต่อวัน มั่นใจตลาดในอาเซียนยังมีช่องทางให้เติบโตอีกมาก

นินจาแวน ประเทศไทย ผู้นำบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชี้ช่องสร้างโอกาสให้เอสเอ็มอีไทย ขยายธุรกิจให้เติบโตในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เผยพบสถิติส่งสินค้าออนไลน์ระหว่างประเทศกว่า 2 ล้านชิ้นต่อวันใน 6 ประเทศ – สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม รายงานบารอมิเตอร์อีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(SEA) พร้อมสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยในการให้บริการส่งสินค้าระหว่างประเทศ มั่นใจตลาดออนไลน์ และ อีคอมเมิร์ซยังเติบโตได้อีกมาก

ชี้ช่อง SME เพิ่มรายได้ตลาดอี-คอมเมิร์ซระหว่างประเทศ

มร. เพียซ เอิง กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า นินจาแวนได้ร่วมกับดีพีดีกรุ๊ป มอบหมายให้ จีเอฟเคเป็นผู้สำรวจข้อมูลการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้ใช้บริการในภูมิภาคอาเซียนจำนวน 6 ประเทศ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนามและไทย พบว่า ตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ในภูมิภาคนี้ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นต่อการสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์จากต่างประเทศทั้งในเอเชียและข้ามทวีปมากขึ้น

 

โดยกลุ่มตัวอย่างในประเทศเวียดนามมีถึง 74% ที่ใช้บริการสั่งสินค้าออนไลน์ รองลงมาในสิงคโปร์ 67%  ไทย 63%  อินโดนีเซีย 62% มาเลเซีย 61% และฟิลิปปินส์ ในอัตราที่น้อยที่สุด 48% ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ยังให้ความนิยมสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะจากจีนมากกว่าการสั่งมาจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยการเติบโตดังกล่าวนับเป็นอนาคตที่ดีของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากปริมาณของพัสดุที่ถูกจัดส่งผ่านนินจาแวนมีความถี่การจัดส่งเพิ่มมากขึ้นถึง 2 ล้านชิ้นต่อวันใน 6 ประเทศที่ได้มีการเก็บข้อมูล

 

มร.เพียซ  กล่าวต่อไปว่า “นินจาแวน ได้พัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อการรองรับอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ ครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน โดยในสิงคโปร์ได้เพิ่มศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่พร้อมนำระบบคัดแยกพัสดุเมื่อเดือนตุลาคม 2021 และนำเครื่องชั่งน้ำหนักระบบที่ทันสมัยเพื่อประหยัดเวลาการคัดแยกพัสดุมาใช้ฟิลิปปินส์เมื่อเดือนเมษายน 2022 ส่วนในอินโดนีเซียได้พัฒนาระบบเรียกเก็บเงินที่เป็นธรรมและประหยัด เวลามาใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021 ขณะที่ในประเทศอื่นเตรียมพัฒนาระบบสนับสนุนต่างๆ ตามมา”    

 

 

แนวโน้มโอกาสการเติบของอีคอมเมิร์ซมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้บริการทางด้านโลจิสติกส์น่าจะเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการจัดการต้นทุนให้กับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไทยให้มีประสิทธิภาพ และสอดรับกับกระแสปรับเปลี่ยนสู่สังคมเศรษฐกิจแบบดิจิทัล ดังนั้น นินจาแวนกรุ๊ป พร้อมที่จะสนับสนุนกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไทยที่จะมีโอกาสเติบโตจากช่องว่างของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคอาเซียนทั้งใน 6 ประเทศที่ได้สำรวจและโอกาสขยายการเติบโตไปถึงระดับเอเชีย ทั้งจากต้นทางถึงปลายทาง ที่เราพร้อมรองรับทั้งสินค้าหรือวัตถุดิบชิ้นเล็กสู่การขนส่งวัตถุดิบ สินค้า หรือเครื่องจักรอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เพื่อสร้างรองรับอย่างครบวงจรทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และจัดส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างมั่นใจ

 

สำหรับ การเข้ามาเติมเต็มและต่อยอดให้กับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีไทย มร. เพียซ กล่าวว่า นินจาแวน ได้ออกแบบและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในหลายมิติ ประกอบด้วย

●       การพัฒนาระบบคลังสินค้า พร้อมรองรับการจัดส่งเข้ามาจากซัพพลายเออร์ เพื่อพร้อมส่งต่อไปยังผู้ผลิตเพื่อให้สายพานการผลิตเดินหน้าอย่างต่อเนื่องไม่สะดุด 

●       การคัดแยกและรนำส่ง โดยระบบสามารถเลือกคำสั่งซื้อเพื่อประมวลผลแล้วนำสินค้าจากคลังสินค้าจัดส่งได้ตามลำดับความเร่งด่วนได้อย่างแม่นยำ

●       เลือกบรรจุภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม ระบบสามารถส่งคำสั่งการเลือกบรรจุภัณฑ์ได้ตรงประเภทสินค้า หากมีความเสี่ยงแตกหักก็จะเน้นการห่อหุ้มสองชั้นป้องกันการกระแทก

●       การส่งมอบสินค้าถึงมือผู้รับได้ตรงตามเวลา ต่อเนื่องในทุกขั้นตอนแม้จะเป็นการส่งของข้ามประเทศ เพื่อให้ถึงมือผู้รับได้ตรงตามเวลา

 

มร. เพียซ กล่าวในตอนท้ายว่า “เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะเป็นโอกาสสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของเอสเอ็มอีไทย และนินจาแวนเองก็พร้อมและภูมิใจที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ธุรกิจและร่วมกับพันธมิตรทางด้านการขนส่งข้ามพรมแดนแบบไร้รอยต่อให้กับธุรกิจออนไลน์ เพื่อทำให้เอสเอ็มอีไทยได้เติบโตต่อยอดได้ในตลาดที่ใหญ่ขึ้นในระดับภูมิภาคต่อไป”