นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรมการให้บริการ Digital Platform และ AI-Empowered Solution กล่าวว่า หลังบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์เรือธง “TOSSAKAN” แพลตฟอร์มด้านความปลอดภัยอัจฉริยะ นำเสนอบริการและโซลูชันสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ล่าสุดสกาย ไอซีที พร้อมเดินหน้าขยายขีดความสามารถและศักยภาพด้าน Smart Security Ecosystem เปิดตัวแอปพลิเคชัน “VIMARNN” หรือแอปฯ “วิมาน” ระบบบริหารจัดการผู้มาติดต่อ (Visitor Management System: VMS) มุ่งมั่นพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะให้ครอบคลุมและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
แอปพลิเคชัน “VIMARNN” สามารถบริหารจัดการผู้มาติดต่อได้ด้วยปลายนิ้วผ่านฟีเจอร์ Visitor โดยเจ้าบ้านสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเชิญผู้มาติดต่อได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม สามารถลงทะเบียนข้อมูลเลขทะเบียนรถและกำหนดเวลาเข้า-ออกของผู้มาติดต่อได้ล่วงหน้า ซึ่งแอปฯ ได้เชื่อมโยงกับเทคโนโลยี AI ผ่านระบบอ่านป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติ (License Plate Recognition: LPR) และระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) เพื่อช่วยตรวจสอบและยืนยันตัวตนผู้มาติดต่อ พร้อมอำนวยความสะดวกให้เจ้าบ้านและผู้มาติดต่อสามารถเข้า-ออกพื้นที่ได้อัตโนมัติ และภายในแอปฯ เสริมด้วยฟีเจอร์ E-Stamp ใช้ยืนยันการอนุญาตออกจากโครงการผ่านเลขทะเบียนรถได้ทันที ซึ่งข้อมูลการเข้า-ออกทั้งหมดจะถูกแสดงผลบน Operation Dashboard ให้ผู้ดูแลโครงการเฝ้าระวังได้แบบเรียลไทม์ พร้อมแจ้งเตือนสถานะผู้มาติดต่อไปยังเจ้าบ้านทันที
นายขยล กล่าวเพิ่มเติมว่า สกาย ไอซีที พัฒนาแอปพลิเคชัน VIMARNN เพื่อต่อยอดจากแพลตฟอร์ม TOSSAKAN ให้ยกระดับสู่ Smart Security Ecosystem ดูแลความปลอดภัยในโครงการที่อยู่อาศัยได้แบบครบวงจร โดยมีจุดเด่นคือการเชื่อมต่อฐานข้อมูลร่วมกัน ซึ่งข้อมูลผู้มาติดต่อทั้งหมดจะถูกจัดเก็บไว้ในระบบ Cloud Storage ที่มีความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูล และช่วยให้การทำงานของเจ้าหน้าที่นิติบุคคล หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมีความคล่องตัวในการทำงาน สามารถนำไปใช้ในการวางแผนและยกระดับความปลอดภัยภายในโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“แอปพลิเคชัน VIMARNN พร้อมช่วยให้ลูกค้าองค์กรกลุ่มอสังหาฯ สามารถบริหารจัดการผู้มาติดต่อภายในโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อส่งมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นและเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกบ้าน นอกจากนี้ ยังช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาระบบของลูกค้าเช่นเดียวกัน” นายขยล กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้วางแผนพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ดียิ่งขึ้นครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.โครงการที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร 2.อาคารสำนักงาน 3.โรงแรม 4.โรงพยาบาล 5.โรงงาน 6.อาคารเชิงพาณิชย์หรือห้างสรรพสินค้า 7.สถานศึกษา ตั้งแต่โรงเรียนจนถึงมหาวิทยาลัย