รายงานล่าสุดจาก Accenture (NYSE: ACN) ระบุว่าองค์กรที่เลือกใช้คลาวด์เป็นโมเดลปฏิบัติการใหม่เพื่อช่วยให้บริษัทปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างต่อเนื่อง จะสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้อย่างมหาศาลและเกิดประโยชน์มากกว่าการช่วยลดต้นทุน โดยเลือกใช้คลาวด์ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและผสานกันหลายรูปแบบ ทั้งคลาวด์สาธารณะ คลาวด์ส่วนตัว และเอดจ์
จากรายงานหัวข้อ “Ever-ready for Every Opportunity: How to Unleash Competitiveness on the Cloud Continuum” ซึ่งเป็นผลการสำรวจข้อมูลในกลุ่มผู้บริหารระดับสูงเกือบ 4,000 คนทั่วโลกจากภาครัฐ และเอกชน ได้อธิบายว่าทำไมการ เลือกใช้คลาวด์เพียงครั้งเดียวเพื่อย้ายระบบไปสู่แพลตฟอร์มใหม่ โดยให้ความสำคัญแค่การทำศูนย์ข้อมูล ที่มีต้นทุนตํ่าลงและมีประสิทธิภาพดีขึ้นนั้น เป็นมุมมองที่แคบเกินไป ในความจริงแล้วการคำนึงถึงเพียงแค่ การประหยัดต้นทุน อาจทำให้องค์กรเสียเปรียบในการแข่งขัน เมื่อเทียบกับองค์กรที่เลือกใช้คลาวด์ในเชิงกลยุทธ์มากขึ้น โดยนำมาใช้ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ทั้งคลาวด์สาธารณะ คลาวด์ส่วนตัว และเอดจ์
นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันองค์กรส่วนใหญ่ใช้คลาวด์สาธารณะ ส่วนตัวและเอดจ์ผสมกันไป แต่มีการทำงานประสานกันน้อยมาก จึงทำให้ได้ผลลัพธ์จากการสร้างนวัตกรรม ข้อมูล และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในส่วนใดส่วนหนึ่งขององค์กรเท่านั้น ไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ในภาพรวม อย่างไรก็ตาม มีบางองค์กรที่วางแผนดีและสามารถใช้ประโยชน์จากคลาวด์ได้อย่างเต็มที่โดยมองว่าคลาวด์เป็นเทคโนโลยีที่ต่อเนื่องกันเป็นห่วงโซ่ สามารถขยายไปยังจุดต่างๆ และมีสถานะความเป็นเจ้าของต่างกัน ควบคู่ไปกับการใช้ 5G แบบคลาวด์เฟิร์ส และเครือข่ายที่กำหนดได้ด้วยซอฟต์แวร์ (software- defined networks) จึงสามารถรอง รับความต้องการของธุรกิจที่เปลี่ยน ไปตลอดเวลาได้”
รายงานฉบับนี้ได้เผยให้เห็นว่า ในขณะที่องค์กรวางแผนย้ายระบบงานกว่า 2 ใน 3 ขึ้นไปบนคลาวด์ แต่ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จะมีงานโดยเฉลี่ยเพียงครึ่งเดียวที่ใช้ศักยภาพของคลาวด์ได้เต็มที่ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเปลี่ยนงานประจำในแต่ละวัน งานที่ต้องใช้ความรู้ และการปรับปรุงแอพพลิเคชั่นให้ทันสมัย เพื่อรองรับความต้องการด้านต่างๆ ของธุรกิจ
เอคเซนเชอร์ ให้นิยามองค์กรที่ลํ้าหน้าในเส้นทางคลาวด์ว่าเป็น Continuum Competitors หรือ ผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 12-15% ของผู้ตอบ แบบสำรวจ จะเป็นองค์กรที่มีความโดดเด่นในด้านการขยายประสบการณ์ที่ได้จากคลาวด์สาธารณะ ไปสู่ศูนย์ข้อมูลขององค์กรหรือดาต้าเซ็นเตอร์ และจุดประมวลผลเอดจ์ (edge location) สามารถปรับขั้นตอนการดำเนินงานประจำของธุรกิจไปอีกขั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงได้รับประโยชน์เต็มที่จากการใช้ระบบคลาวด์ที่ต่อเนื่องกันและทำได้ดีกว่าคู่แข่ง รายงานฉบับนี้ได้สรุปว่าผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องเหล่านี้จะอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าและยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันในอนาคตได้ดีกว่า
“ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการเลือกประเภทคลาวด์ให้เหมาะกับการนำไปใช้ และเลือกใช้บริการบนคลาวด์แบบต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ศูนย์ติดต่ออัจฉริยะ เอดจ์คอมพิวติ้ง โรโบติกคอมพิวติ้ง เทคโนโลยีโลกเสมือน (extended reality) และอื่นๆซึ่งเป็นการนำห่วงโซ่ต่างๆ ในระบบคลาวด์ไปใช้ด้วยแนวทางที่ลํ้าหน้าที่สุด และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ การใช้กลยุทธ์แบบคลาวด์เฟิร์ส ทำให้บริษัทสามารถสร้างประสบการณ์ลูกค้าให้ดีขึ้น มีกระบวนการทำงานที่อัจฉริยะขึ้น และมีผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนขึ้นได้ด้วย”
สิ่งที่ผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องแตกต่างจากองค์กรที่เน้นย้ายไปคลาวด์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในครั้งเดียว ได้แก่ โอกาสที่มากกว่า 2-3 เท่าในการสร้างสรรค์ ปรับระบบการทำงานให้เป็นอัตโนมัติ และจัดโครงสร้างการทำงานที่ต้องใช้ความรู้ใหม่, สามารถลดต้นทุนได้มากกว่าองค์กรที่เน้นย้ายข้อมูลเป็นหลัก 1.2 เท่า (อเมริกา เหนือ) และ 2.7 เท่า (ยุโรป) ขณะเดียวกันสามารถตั้งเป้าหมายด้านการดำเนินงานและด้านการเงินได้สูงกว่า ซึ่งรวมถึงการกำหนดเกณฑ์ชี้วัดทางธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 50% เช่น การเพิ่ม ฐานลูกค้าและเข้าตลาดได้เร็วกว่าคู่แข่ง และมีโอกาสมากกว่าเกือบสามเท่าในการใช้ระบบคลาวด์จัดการเป้าหมายด้านความยั่งยืนให้สำเร็จลุล่วงอย่างน้อย 2 เป้าหมาย เช่น การใช้แหล่งพลังงานสีเขียว การออกแบบ ให้ใช้พลังงานน้อยลง และการใช้เซิร์ฟเวอร์อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดการใช้พลังงาน
จากการศึกษาวิธีการใช้คลาวด์ของผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ เอคเซนเชอร์ระบุออกมาเป็น 4 แนวทางการใช้คลาวด์สู่ชัยชนะที่เหนือกว่า ซึ่งองค์กรต่างๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้ คือ 1. กำหนดจุดมุ่งหมายขององค์กรในการใช้คลาวด์ องค์กรจะต้องพัฒนากลยุทธ์ขึ้นมาก่อน, 2. วางแนวทางการใช้คลาวด์ให้รองรับเทคโนโลยีอื่นๆ และนำไปต่อยอดได้, 3. เร่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ผู้นำอย่างต่อเนื่องจะให้ความสำคัญกับการลงทุนด้าน “ประสบการณ์” มากที่สุดและ 4. ให้คำมั่นเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง การจะเป็นผู้นำได้ ต้องกำหนดวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ กำหนดระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม และส่งเสริมวัฒนธรรมที่เน้นความคล่องตัวและการเติบโต และองค์กรจำเป็นต้องให้ “ทุกคนมีส่วนร่วม”