นูทานิคซ์ เปิดวิถีเทคปี 67 ช่วยองค์กรสร้างกลยุทธ์ไอทีที่แตกต่าง

24 ธ.ค. 2566 | 12:11 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ธ.ค. 2566 | 12:54 น.

นูทานิคซ์ เผยวิถีทางเทคโนโลยีปี 67 ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้แตกต่างและนำหน้าคู่แข่ง แนะนำให้องค์กรต่างๆ หยุดคิดและถอยออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อวางกลยุทธ์คลาวด์ที่จะช่วยเปิดทางสู่ดิจิทัลให้ชัดเจน

นายแอรอน ไวท์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น นูทานิคซ์ เปิดเผยว่า เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  ความจำเป็นทางธุรกิจที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทำให้คลาวด์มีความสำคัญมากขึ้น

และความต้องการโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบผสมผสาน (ไฮบริด) ก็เพิ่มมากขึ้น โลกที่ให้ความสำคัญกับดิจิทัลก่อนสิ่งอื่นใด (digital-first) ที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่ขับเคลื่อนด้วยคลาวด์

นูทานิคซ์ เปิดวิถีเทคปี 67 ช่วยองค์กรสร้างกลยุทธ์ไอทีที่แตกต่าง

 

นอกจากนี้เอดจ์ยังสร้างความต่างให้กับองค์กรอย่างมีนัยสำคัญโดยช่วยให้ได้รับข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกได้เร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้และเป็นหัวข้อสนทนาของทุกคนอย่างรวดเร็วเพียงชั่วข้ามคืน คือ AI ซึ่งมีองค์กรจำนวนมากรีบเร่งกระโดดขึ้นรถไฟสาย AI ในระดับชั้นการใช้งานที่แตกต่างกัน และท่ามกลางความคลุมเครือ

ไฮบริดมัลติคลาวด์จะกลายเป็นตัวเลือกเริ่มต้นขององค์กร

อุตสาหกรรมทุกประเภทและทุกภูมิภาคใช้บริการคลาวด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า 75% ของข้อมูลองค์กรจะถูกสร้างและประมวลผลนอกดาต้าเซ็นเตอร์แบบเดิมหรือคลาวด์ภายในปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากจากปี 2561 ที่มีเพียง 10% เท่านั้น

องค์กรต่างๆ พยายามนำแอปพลิเคชันหลากหลายมาใช้ พยายามเพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจและปรับค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม แม้กระแสนี้จะมาแรง แต่ไม่ใช่เวิร์กโหลดทุกรายการจะเหมาะกับการใช้บนพับลิคคลาวด์ได้อย่างราบรื่น และองค์กรจำนวนมากยังยึดติดอยู่กับแอปพลิเคชันแบบเก่าและข้อมูลที่ใช้และจัดเก็บอยู่ในระบบที่ติดตั้งอยู่ภายในองค์กรหรือไพรเวทคลาวด์

ดังนั้นโซลูชันไฮบริดมัลติคลาวด์ซึ่งเป็นโซลูชันที่นำเสนอสมรรถนะที่ดีที่สุดของไพรเวทคลาวด์และพับลิคคลาวด์จะกลายเป็นทางเลือกเริ่มต้นขององค์กรที่ต้องการสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ ความปลอดภัย การทำตามกฎระเบียบ และค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ข้อมูลจากรายงาน Nutanix 2023 ECI ระบุว่า 86% ของผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น คาดว่าไฮบริดคลาวด์จะให้ผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจตนในปี 2567

เหนือสิ่งอื่นใดในบริบทของดิจิทัลที่ขยายตัวตลอดเวลา และการที่ AI หยั่งรากลงไปในการดำเนินธุรกิจแต่ละวัน ทำให้ไฮบริดมัลติคลาวด์เป็นทางเลือกเริ่มต้นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และกลายเป็นเทคโนโลยีที่เร่งการเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ได้ช่วยเพียงจัดการกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังช่วยให้องค์กรเติบโตท่ามกลางความไม่แน่นอนในอนาคต

ความเชื่อมั่น: ก้าวข้ามความไม่แน่นอนและส่งเสริมนวัตกรรม

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานับเป็นช่วงที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีสถานการณ์ยุ่งยากและการหยุดชะงักของการดำเนินธุรกิจแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การเอาชนะความไม่แน่นอน และการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นสิ่งสำคัญมากต่อความสำเร็จที่ยั่งยืน แต่จะนำมาซึ่งการเพิ่มขึ้นของภัยไซเบอร์เป็นเงาตามตัว ข้อมูลสถิติการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ในประเทศไทยพบว่าการโจมตีอันดับหนึ่งเป็นการ Hacked Website (Phishing, Defacement, Gambling) โดยหน่วยงานที่ถูกโจมตีมากที่สุดคือภาคการศึกษา (36%) หน่วยงานภาครัฐอื่น (31%) และภาคการเงินธนาคาร (8%)

ประเทศไทยบังคับใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) 2562 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน. 2565 อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ปี 2564 องค์กรหลายแห่งในไทยต้องเผชิญกับการถูกแรนซัมแวร์ขโมยข้อมูลลูกค้า ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและผู้บริโภคจำนวนมาก ธุรกิจไทยทุกแห่งจึงทบทวนและเร่งแผนงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ปฏิบัติตาม PDPA อย่างเคร่งครัด และเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา

อาจกล่าวได้ว่าความเชื่อมั่นจะเป็นตัวกระตุ้นที่ทรงประสิทธิภาพในขณะที่ภาคเทคโนโลยียังคงพัฒนาและสร้างสิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้องค์กรปลดล็อกศักยภาพของทีมอย่างเต็มที่เพื่อมองหา แนวคิดใหม่ๆ และรับมือกับความเสี่ยงที่คาดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ให้บริการเทคโนโลยียังคงลงทุนด้าน AI, ML และบริการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการฝังความสามารถด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และความโปร่งใส ไว้ในระบบต่างๆ ที่ผู้ให้บริการเทคโนโลยีกำลังสร้างขึ้นมาจึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก

บุคลากรที่มีทักษะ: เสริมแกร่งนวัตกรรมดิจิทัล

ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นมีอุปสรรคสำคัญคือการขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญและมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีที่เกิดใหม่ สำหรับประเทศไทยรายงาน Asia Pacific Workforce Hopes and Fears Survey 2023 ของ PWC ระบุว่า 77% ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นว่าทักษะด้านดิจิทัลมีความสำคัญต่ออาชีพการงาน และพวกเขาเชื่อว่าทักษะด้านเทคโนโลยีต่างๆ ที่เป็นฮาร์ดสกิล และทักษะที่เป็นซอฟต์สกิลมีความสำคัญเท่าเทียมกันในอาชีพการงาน โดยทักษะที่สำคัญที่สุดคือทักษะการทำงานร่วมกัน (84%) ทักษะการวิเคราะห์/ข้อมูล (83%) และทักษะความเป็นผู้นำ (83%)

ความเร็วของนวัตกรรมทำให้ยากที่จะคาดการณ์ว่าทักษะด้านใดจะเป็นที่ต้องการและจำเป็นมากในอีกสองสามปีข้างหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ องค์กรจำเป็นต้องเริ่มสร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับเวิร์กโฟลว์หรือขั้นตอนการทำงานขององค์กร เพื่อยกระดับทักษะและเพิ่มทักษะให้กับบุคลากรในปัจจุบัน เพื่อเสริมความรู้ให้ทันต่อความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

องค์กรยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญด้านทักษะต่างๆ มากขึ้น นอกเหนือจากวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เพื่อปลดล็อกศักยภาพของบุคลากรด้านเทคโนโลยีในอนาคตได้อย่างเต็มที่ รายงาน Asia Pacific Workforce Hopes and Fears Survey 2023 ของ PWC ยังพบว่า 71% ของผู้ตอบแบบสำรวจไทยมั่นใจว่านายจ้างจะเสริมทักษะต่างๆ ที่สำคัญต่ออาชีพการ งานของพวกเขาในอีกห้าปีข้างหน้า และ 70% เชื่อว่าทักษะในการทำงานของตนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในอีกห้าปีข้างหน้าเช่นกัน