โลกกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่ "AI" หรือ "ปัญญาประดิษฐ์" ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุน แต่กลายเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเทคโนโลยีในทุกมิติของชีวิตมนุษย์ ปี 2568 ถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ AI และ ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) จะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวิทยาการอย่างไม่เคยมีมาก่อน
จากรายงานของสถาบันวิจัย Capgemini พบว่า เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญที่ขับเคลื่อนโลกในปี 2568 ล้วนมี AI เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ตั้งแต่ระบบความปลอดภัยไซเบอร์ หุ่นยนต์ที่มีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์ ไปจนถึงการฟื้นฟูพลังงานนิวเคลียร์ ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า AI ไม่ได้เป็นเพียง "อนาคต" อีกต่อไป แต่เป็น "ปัจจุบัน" ที่กำลังเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งรอบตัวของมนุษย์
ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) กำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า "ระบบเอเจนต์ AI" (AI Agentic Systems) ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจได้เองแบบอิสระ ระบบเหล่านี้ไม่ใช่เพียงผู้ช่วยในงานเฉพาะด้าน แต่สามารถจัดการงานที่ซับซ้อน เช่น การบริหารโครงการขนาดใหญ่ หรือการแก้ไขปัญหาที่ต้องใช้ข้อมูลหลายมิติ
ข้อมูลจากการสำรวจเผยว่า 70% ของผู้บริหารธุรกิจ และ 85% ของนักลงทุนต่างเชื่อว่า AI Agents จะเป็นเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปีหน้า ระบบเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างไร้ขอบเขต และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน ตั้งแต่การผลิต การแพทย์ ไปจนถึงบริการลูกค้า
ปี 2568 จะเป็นยุคที่ ความปลอดภัยไซเบอร์ เผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ เนื่องจาก AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกัน แต่ยังถูกนำไปใช้ในเชิงลบ รายงานระบุว่า 97% ขององค์กรในปีที่ผ่านมาเผชิญปัญหาการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับ Generative AI
AI ช่วยเพิ่มศักยภาพของการโจมตี เช่น การสร้าง Deepfake ที่สมจริงเพื่อหลอกลวง หรือการโจมตีระบบด้วยข้อมูลปลอมที่ซับซ้อน ขณะเดียวกัน AI ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกัน ด้วยระบบวิเคราะห์พฤติกรรมผิดปกติและการตอบสนองแบบอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับและแก้ไขภัยคุกคามได้ในทันที
ในปี 2568 หุ่นยนต์ AI หรือ "Cobots" จะกลายเป็นผู้เปลี่ยนเกมในหลายอุตสาหกรรม หุ่นยนต์เหล่านี้มีความสามารถในการทำงานร่วมกับมนุษย์อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในสายการผลิตและโลจิสติกส์ รายงานระบุว่าตลาดหุ่นยนต์ AI จะเติบโตถึง 89% ในปีหน้า หุ่นยนต์จะไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังเพิ่มความแม่นยำและลดความผิดพลาดในกระบวนการผลิต ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ที่ช่วยในการประกอบชิ้นส่วนซับซ้อน หรือจัดการสินค้าคงคลังในคลังสินค้า
ความต้องการพลังงานสะอาดที่มั่นคงในยุคที่ AI และ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ "พลังงานนิวเคลียร์" กลับมามีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็ก (SMRs) ที่สามารถตอบโจทย์การผลิตพลังงานที่สะอาดและยืดหยุ่น
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft และ Google ลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์เพื่อรองรับความต้องการพลังงานในอนาคต เช่น การลงนามในสัญญาซื้อพลังงานระยะยาวจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนการลดคาร์บอน
ในปี 2568 โซ่อุปทานที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ เทคโนโลยี IoT จะช่วยให้ธุรกิจรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนและคาดการณ์ไม่ได้ เช่น ความผันผวนของตลาดโลกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โซ่อุปทานยุคใหม่จะช่วยให้บริษัทเพิ่มความยืดหยุ่น ลดการใช้ทรัพยากร และปรับตัวได้รวดเร็วต่อสภาพตลาด เทคโนโลยี AI ยังช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง การขนส่ง และการคาดการณ์ความต้องการของตลาด
ปี 2568 มีแนวโน้มจะเป็นปีที่ AI และ Generative AI เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างไรก็ตามธุรกิจและองค์กรที่ปรับตัวได้ทันกับเทรนด์เหล่านี้จะสามารถเป็นผู้นำในโลกอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความยั่งยืน
อ้างอิง: Capgemini, Economictimes, Nikkei Asia