นายณเอก สงศิริ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย ธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เทรนด์ในด้านการทำงานในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก และถึงแม้สถานการณ์จะได้คลี่คลายลงไปมากแล้ว แต่วิถีชีวิตของผู้คนรวมทั้งการทำงานก็ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างชัดเจน และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นแบบไฮบริดมากขึ้น
โดยองค์กรต่างๆ กว่า 95% ได้มองเห็นโอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตได้จากการทำงานผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต และองค์กรกว่า 89% ได้มีการปรับเปลี่ยนการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยพนักงานและคนในองค์กรสามารถทำงานได้จากทุกที่และควรมีอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานอย่างเช่น Rugged Device อย่างน้อยหนึ่งเครื่องต่อหนึ่งคน ด้วยเหตุนี้ซัมซุงจึงได้พัฒนา Rugged Device ที่มาพร้อมกับโซลูชันตอบโจทย์การใช้งานอย่างครบวงจร เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเชิงธุรกิจที่ดีกว่าเดิมให้กับทุกคน”
จากการสำรวจอินไซต์ผู้บริโภคจาก Tech Research Asia’s SEAO Custom Rugged Study 2022 พบว่าองค์กรกว่า 66% พิจารณาเลือกสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเพื่อใช้งานจากความทนทานของดีไวซ์ โดยกว่า 61% ต้องการฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลาย ครบครัน ครอบคลุมทุกโซลูชันในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังพบว่ากว่า 59% ต้องการดีไวซ์ที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ไม่ซับซ้อน โดยกว่า 57% คาดหวังถึงความสามารถพิเศษเพิ่มเติมที่สามารถช่วยให้ใช้ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น และสุดท้าย ลูกค้ากว่า 51% ตระหนักในเรื่องของความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย รวมทั้งความแข็งแรงของหน้าจอ
ด้วยความเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนกลุ่มลูกค้าองค์กร ซัมซุงได้พัฒนา Rugged Device ภายใต้หัวใจหลัก 3 ประการ ประกอบด้วยนวัตกรรม (Innovation) ที่ไม่เพียงแต่การติดตั้งซอฟต์แวร์บนฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน รวมถึงเลือกใช้วัสดุที่มีความทนทานระดับ Military-grade และผ่านมาตรฐาน IP68 ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์มีความทนทาน ความสามารถในการกันน้ำและกันฝุ่น ซึ่งสามารถใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อม
ไม่เพียงเท่านั้น Rugged Device ของซัมซุงยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยขั้นสูง (Security) ที่ช่วยป้องกันตัวเครื่องและข้อมูลต่างๆ ขององค์กรจากความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ และยังเปิดกว้าง (Openness) กล่าวคือผู้ใช้งานสามารถใช้งานดีไวซ์ของซัมซุงได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถใช้งานได้จากทุกที่
โดยล่าสุดซัมซุงได้เปิดตัว Rugged Device รุ่นใหม่อย่างสมาร์ทโฟน Samsung XCover6 Pro 5G และ TabActive4 Pro 5G ตอกย้ำความก้าวหน้าในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และความเป็นผู้นำด้วยการส่งโซลูชัน 5G ในผลิตภัณฑ์กลุ่มเอ็นเตอร์ไพรซ์ ภายใต้แนวคิด Go Faster เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อยกระดับการใช้งานให้เร็ว แรง ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ผลิตภัณฑ์ทั้งสองรุ่นถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการทำงานในทุกสถานการณ์ เพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ที่สมบูรณ์แบบและเหมาะสมกับการใช้งานในทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีก พนักงานขับรถส่งของ พนักงานขาย หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการออกแบบดีไวซ์ดังกล่าวได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน IP68 และ MIL-STD 810H โดย Galaxy XCover6 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอ Corning® Gorilla® Glass Victus® ในขณะที่ Galaxy TabActive4 Pro 5G ได้ติดตั้งกระจกหน้าจอ Corning® Gorilla® Glass 5 ซึ่งมาพร้อมกับประสิทธิภาพการป้องกันการขูดขีดและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานในภาคสนาม อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาซึ่งช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการใช้งานเป็นอย่างดี นอกจากนี้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทั้งสองยังมาพร้อมกับความสามารถปรับระดับความไวต่อการสัมผัสหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานดีไวซ์ทั้งสองได้แม้ในตอนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ชื้น ตอนใส่ถุงมือ หรือการใช้งานท่ามกลางสายฝน
Galaxy XCover6 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรรุ่นแรกในซีรีส์ XCover ที่รองรับเครือข่าย 5G3 ทำให้ทำงานได้ในทุกที่ที่มีสัญญาน ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าและความสามารถในการรองรับย่านความถี่ 6GHz ใน Wi-Fi 6E ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันได้อย่างไหลลื่น ไร้กังวล4ในขณะที่ Galaxy TabActive4 Pro 5G ติดตั้งเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi 6 ไว้ภายใน ผู้ใช้จึงวางใจได้ถึงการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วและมีอัตราความหน่วงต่ำ เชื่อมต่อได้ต่อเนื่องไม่ขาดหายโดยเฉพาะในจังหวะเวลาสำคัญ
Galaxy XCover6 Pro 5G และ Galaxy TabActive4 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ที่ทรงพลังจากซัมซุงอย่าง One UI4 ที่ใช้งานง่ายและให้ประสบการณ์การใช้งานที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความชื่นชอบส่วนตัวได้ตามต้องการ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลโดยใช้ microSD Card5 เพื่อให้ผู้ทำงานจัดเก็บไฟล์สำคัญทั้งหมดไว้ในเครื่องได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Knox Capture6 ที่สามารถทำงานเป็นเครื่องสแกนบาร์โค้ดที่มีคุณสมบัติในระดับการใช้งานขององค์กรธุรกิจ เพื่อการติดตามและตรวจสอบสินค้าคงคลังได้ในแบบเรียลไทม์
หมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดในเวลาคับขัน เพราะ Galaxy XCover6 Pro 5G และ Galaxy Tab Active4 Pro 5G พร้อมรับมือด้วยแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ และเทคโนโลยี Fast Charging7 POGO8 จึงสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นใน Galaxy TabActive4 Pro 5G ยังมีโหมด No Battery9 ซึ่งสามารถใช้งานในยานพาหนะได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องมีแบตเตอรี่ และยังเป็นการป้องกันการเสื่อมคุณภาพของแบตเตอรี่แม้ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงได้อีกด้วย
ซัมซุงนำเสนอ Knox Suite แพลตฟอร์มที่นำเสนอโซลูชันด้านความปลอดภัยครบถ้วนในหนึ่งเดียว ซึ่งจะทำให้ทีมไอทีสามารถกำหนดรายละเอียดการตั้งค่า สร้างความปลอดภัย บริหารจัดการ และวิเคราะห์อุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งแพลตฟอร์มด้านความปลอดภัยของซัมซุง อย่าง Samsung Knox ซึ่งมีมาตรฐานสูงในระดับหน่วยงานความมั่นคง อีกทั้งยังสามารถช่วยปกป้องดีไวซ์ด้วยมาตรการปกป้องต่างๆ ที่ครบถ้วนทั้งในระดับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมทั้งยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง เช่น การจดจำใบหน้า และรองรับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เป็นต้น
นอกจากนี้ ซัมซุงร่วมงานกับ Android อย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรธุรกิจต่างๆ จะได้รับการปกป้องในระยะยาว พร้อมทั้งคอยเกาะติดสถานการณ์ปัญหาความท้าทายด้านความปลอดภัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถอัพเดทซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยได้อย่างยาวนานถึง 5 ปี และอัพเกรดระบบปฏิบัติการถึง 3 เวอร์ชั่นหลัก องค์กรต่างๆ จึงใช้งานได้อย่างสบายใจ
ซัมซุงยังได้เปิดตัวโปรแกรมครบวงจรสำหรับพาร์ทเนอร์และคู่ค้าที่ช่วยรวบรวมทุกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาทิ ข้อมูลผลิตภัณฑ์และเครื่องมือการขาย สิทธิประโยชน์สำหรับพันธมิตร การอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ และการติดต่อฝ่ายขายของซัมซุงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โ
“ซัมซุงเน้นกลยุทธ์ในการทำตลาดลูกค้าองค์กร 3 ประการ ได้แก่ Expansion การจับมือกับพันธมิตรในการขยายขอบเขตการให้บริการรวมถึงนำเสนอโซลูชันใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าองค์กรอย่างต่อเนื่อง Collaboration ตั้งเป้าในการเป็นผู้ช่วยองค์กรต่างๆ ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงธุรกิจ หรือ digital transformation ผ่านนวัตกรรมต่างๆ ของซัมซุง เช่น Internet of Things (IoT) และ Sustainable เน้นการทำธุรกิจแบบยั่งยืนและพร้อมที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของทั้งลูกค้าองค์กรและผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์”