วันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการ กสทช.ด้านกฎหมายและประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฏหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ เปิดเผยว่า กสทช. เตรียมออกประกาศเกี่ยวกับการประกาศจดแจ้งซิมการ์ด เพื่อเสนอบอร์ดภายในเดือนธันวาคม 2566 เพื่อออกประกาศภายในเดือนมกราคม 2567 หลังจากได้จัดทำโฟกัสกรุ๊ปจำนวน 2 ครั้งแล้ว สำหรับจำนวนเลขหมายทั้งหมดในปัจจุบัน 120 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดาและต่างชาติ 93.6 ล้านเลขหมาย นิติบุคคล/อุปกรณ์ไอที จำนวน 26.4 ล้านเลขหมาย
เหตุผลที่ต้องให้ผู้ครอบครองซิมเพื่อต้องการทราบชื่ออย่างเป็นทางการ ดังนั้นหากผู้ที่ครอบครองเลขหมาย ไม่ได้มายืนยันตัวตนภายในเวลาที่กำหนดจะถูกระงับการโทรออกของผู้ใช้บริการรายนั้นทุกเลขหมายชั่วคราว หากระงับการบริการ 30 วันแล้วผู้ลงทะเบียนยังเพิกเฉย จะยกเลิกเลขหมายทั้งหมดของผู้ใช้บริการรายนั้น
พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับมาตรการควบคุมและป้องกันที่ กสทช.ได้ดำเนินการไปแล้ว คือ บริการหมายเลข *138 ให้ประชาชนปฏิเสธสายจากต่างประเทศ *179*เลขบัตรประชาชน# ตรวจสอบเบอร์ที่ลงทะเบียนกับเลขบัตรประชาชน, การใช้งาน App 3ชั้น “ตรวจ แจ้ง ล็อค” รวมถึงการลงทะเบียน SIM Card หมายเลขโทรศัพท์
“ในอดีตไม่สามารถจับตัวจริงได้เลยจับได้ก็ถือว่าน้อยมากเพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านั้นตั้งศูนย์บัญชาการที่ขอบชายแดน จับได้ คือบัญชีม้า หรือ ม้าใส โดนหลอกให้เปิดบัญชีจริง และ ม้ารู้ คือเปิดบัญชีให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น”
ด้าน พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สถิติแจ้งความออนไลน์ สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 65 – 10 พฤศจิกายน 2566 มีทั้งหมด 390,863 เรื่อง แบ่งเป็นคดีออนไลน์ 361,655 เรื่อง และ คดีอาญาอื่นๆ 10,607 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหาย 49,056,482,817 บาท
" ประชาชนส่วนใหญ่ 75% ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหา มีความแนบเนียนคนร้ายหรือคนรู้จัก โทรมาข่มขู่ วิธีการตรวจสอบง่ายสุด คือ การตัดสายทิ้ง หรือ โทรกลับไปยังต้นทางก็ไม่มีปัญาเมื่อโทรกลับไปแล้วไม่มีคนรับสายแสดงว่า คือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์" พล.ต.ต.นิเวศน์ กล่าว