เทนเซ็นต์ เปิดบริการ AI หนุนองค์กรก้าวสู่ดิจิทัล 

11 ก.ย. 2567 | 23:24 น.

เทนเซ็นต์เปิดตัวบริการ AI เครื่องมือใหม่มุ่งเน้นที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล และเติบโตอย่างก้าวกระโดด ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสามารถนำแนวทางใหม่มาใช้เพื่อเติบโตในระดับโลก 

นายดาวสัน ตง รองประธานกรรมการบริหารอาวุโสและซีอีโอ ของกลุ่มธุรกิจ Cloud and Smart Industries Group (CSIG) บริษัท เทนเซ็นต์ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่าเทนเซ็นต์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายชุดที่ได้มีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้าน AI ของพันธมิตรและลูกค้าองค์กรต่างๆ 

เทนเซ็นต์ เปิดบริการ AI หนุนองค์กรก้าวสู่ดิจิทัล 

การเปิดตัวใหม่ของ “AI Infra” ซึ่งเป็นโซลูชันที่ประกอบด้วย การประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และเครือข่ายแบบครบวงจร ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐาน และช่วยให้บริษัทต่างๆ ที่มีความต้องการที่จะพัฒนาและเทรนโมเดลขนาดใหญ่

ในขณะเดียวกัน เทนเซ็นต์ได้เปิดตัวฮุ่นหยวน-เทอร์โบ (Hunyuan-Turbo) ซึ่งเป็นบริการโมเดล AI ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Mixture of Experts (MoE) ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรนโมเดลถึง 2 เท่า และลดค่าใช้จ่ายในการประมวลผลลง 50%

“ปัจจุบัน AI Coding Assistant ของเทนเซ็นต์ คลาวด์ ซึ่งขับเคลื่อนโดยโมเดลพื้นฐาน Hunyuan ได้ถูกใช้งานโดยโปรแกรมเมอร์ของเทนเซ็นต์ กว่า 50% ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 40% นอกจากนี้ Tencent Meeting ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การบันทึกอัจฉริยะ, ผู้ช่วย AI, การแปลหลายภาษา และอื่นๆ โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 15 ล้านคนต่อเดือน

“แรงผลักดันที่สำคัญที่ลูกค้าองค์กรต้องเผชิญคือ หลายองค์กรกำลังมองหาแนวทางในการพลิกโฉมรูปแบบการทำธุรกิจของตน และด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ใช้ประโยชน์จากแนวโน้มและทิศทางใหม่ที่เกิดขึ้น และขยายธุรกิจสู่ระดับโลก ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาสามารถปลดล็อกศักยภาพใหม่ในการเติบโตและนวัตกรรม”

สำหรับในตลาดต่างประเทศเทนเซ็นต์ คลาวด์ กำลังขยายการลงทุนและเพิ่มทรัพยากร เพื่อสร้างความร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรในการบรรลุภารกิจของบริษัทที่จะสร้างนวัตกรรม,เชื่อมต่อ,และขยายสู่ระดับโลก โดยล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI เหล่านี้ ธุรกิจระหว่างประเทศของ เทนเซ็นต์คลาวด์ เตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องเกินกว่า 10,000 ธุรกิจใน 30 อุตสาหกรรมที่ให้บริการในกว่า 80 ตลาดและภูมิภาค

โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เทนเซ็นต์คลาวด์ ได้รับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับ 2 หลักในตลาดต่างประเทศ สร้างความแข็งแกร่งในเอเชีย, ยุโรป, อเมริกา,และตะวันออกกลาง โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการเติบโตอย่างน้อย 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

นอกเหนือจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการชุดใหม่สำหรับ AI และการเทรนโมเดลในประเทศจีนแล้ว Tencent Cloud International ยังได้เปิดตัวเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนผ่านฝ่ามือ (Palm Verification) ที่ล้ำสมัย และแผนการสร้างระบบนิเวศที่รองรับเทคโนโลยีนี้ในตลาดต่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนการนำการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยและใช้ AI มาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น

นาย ตง กล่าวเพิ่มเติมว่าการเติบโตนี้เป็นผลมาจาก จากความต้องการของระบบนิเวศของเทนเซ็นต์คลาวด์ ที่มีความโดดเด่น, บริการเทคโนโลยีด้านสื่อระดับโลก, และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั่วโลก

“องค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม, สื่อ, และบริการสาธารณะ ใช้โซลูชันหลักของเรา เพื่อนำมาปรับเปลี่ยนการดำเนินงานและปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น แพลตฟอร์ม Mini Program, การสื่อสารแบบเรียลไทม์, การไลฟ์สตรีม, และโซลูชันด้านสื่อ”
 เทนเซ็นต์คลาวด์ ยังมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับในการสนับสนุนธุรกิจในการขยายตลาดระดับโลก โดยได้ช่วยบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 หลายแห่ง เช่น AstraZeneca, Mercedes-Benz, Toyota และ Walmart China ให้สามารถขยายการดำเนินงานในจีนแผ่นดินใหญ่และทั่วโลกได้อย่างสำเร็จ

และเพื่อการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งของสนับสนุนพันธมิตรและลูกค้าทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น เทนเซ็นต์คลาวด์ ยังได้จัดตั้งเครือข่ายศูนย์สนับสนุนทางเทคนิคทั่วโลก จำนวน 9 แห่ง ในประเทศอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไทย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี ซึ่งทั้งหมดจะให้บริการและสนับสนุนทางเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านนายโพชู เยืองรองประธานอาวุโส บริษัท เทนเซ็นต์ คลาวด์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด กล่าวว่า โซลูชัน Cloud Palm Verification ของบริษัท ได้มีการทดลองใช้งานทั่วโลกแล้วโดยบริษัทชั้นนำหลายแห่ง รวมถึง Telkomsel เพื่อสนับสนุนการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบการชำระเงินไปจนถึงการจัดการด้านการเข้าถึงความปลอดภัย

“แผนในการสร้างระบบนิเวศเพื่อรองรับ Palm Verificationของเราได้มีการรวมเอาชุดเครื่องมือเทคโนโลยีหลายตัว ที่จะช่วยให้พันธมิตรทั่วโลกสามารถนำและบูรณาการเทคโนโลยีระดับโลกนี้ได้อย่างรวดเร็วเพื่อการนำไปใช้ในตลาด โครงการนี้ช่วยให้พันธมิตรของเรามีอิสระในการสร้างสรรค์และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ในสถานการณ์ธุรกิจต่างๆทั่วโลก”